เชียงใหม่ - จังหวัดเชียงใหม่ระดมทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมแผนป้องกันรับมือปัญหาหมอกควัน ไฟป่า กำหนดช่วงเวลาบริหารจัดการเชื้อเพลิง 1 ม.ค.-30 เม.ย. 66 ตั้งเป้าลดจุดความร้อน และพื้นที่เผาไหม้ให้ได้ร้อยละ 20 ของค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ขณะเดียวกันผู้ว่าฯ เตรียมจับเข่าคุยกงสุลใหญ่ของประเทศเมียนมา เพื่อหารือแนวทางแก้หมอกควันข้ามแดน
วันนี้ (8 พ.ย. 65) นายสมชาติ วัฒนากล้า ผู้อำนวยการสำนักการช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และนายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดเผยถึงแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีแผนการบริการจัดการไฟป่าเรียบร้อยแล้ว ทั้งในห้วงก่อนวิกฤต ระหว่างวิกฤต และหลังวิกฤต ซึ่งในปีนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ความสำคัญและเร่งผลักดันแผนปฏิบัติการอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมวางแผนบริหารจัดการพื้นที่พิเศษ 8 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอแม่ออน-อำเภอสันกำแพง, บริเวณเขื่อนแม่กวง, ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม, อำเภอสะเมิง, อำเภอสันทราย, บ้านปง อำเภอหางดง, ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว และอำเภอฮอด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มักเกิดปัญหาไฟไหม้ซ้ำซาก โดยในเบื้องต้นได้เร่งเข้าไปสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ในปี 2566 จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดเป้าหมายในการลดจุด Hotspot และค่าคุณภาพอากาศที่เกินมาตรฐาน รวมถึงพื้นที่เผาไหม้ให้ลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ของค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง โดยได้จัดทำประกาศจังหวัดในเรื่องมาตรการป้องกันการจุดไฟเผาในที่โล่งและพื้นที่การเกษตร กำหนดเขตควบคุมไฟป่าและมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมไฟป่าในเขตป่าไม้ และการประกาศบริหารจัดการเชื้อเพลิงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2566 ขณะเดียวกันในห้วงนี้ถือเป็นช่วงก่อนวิกฤต มีการจัดเตรียมความพร้อมในการป้องกันซึ่งจะมีการทำแนวกันไฟกว่า 2,300 กิโลเมตร นอกจากนี้ ทางอุทยานต่างๆ ก็ได้มีการฝึกทบทวน ตรวจเช็กอุปกรณ์ และอบรมประชาชนในพื้นที่ พร้อมเคาะประตูบ้านเชิญชวนประชาชนร่วมป้องกันไฟป่า ด้านขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ก็มีมาตรการตรวจรถควันดำ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ก็มีความพร้อมในการตรวจสุขภาพจิตอาสาเข้าดับไฟป่า เช็กความพร้อมของร่างกายเพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยจิตอาสาสามารถติดต่อขอรับการตรวจสุขภาพได้ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอทุกแห่ง
ขณะเดียวกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดทำแอปพลิเคชัน CMPM 2.5 เพื่อติดตามสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่าในพื้นที่ ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการเผาไหม้พื้นที่ป่าสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่แอปพลิเคชันดังกล่าว หรือที่สายด่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1362 หรือสายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าของจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยประชาชนคือกลไกที่สำคัญมากในการร่วมเป็นหูเป็นตาและร่วมดับไฟป่ากับทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และเศรษฐกิจของพื้นที่
นอกจากนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีนโยบายที่จะประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อบูรณาการการทำงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่าร่วมกัน พร้อมได้มีการหารือกับกงสุลใหญ่ของประเทศเมียนมา เพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่าข้ามแดนอีกด้วย