ลำปาง - คืบหน้าชายอ้างเป็น ตร.ปราบปรามยาเสพติดซ้อมหนุ่มลำปางคาร้านย่านช่อง 8 เก่าไม่พอ ยังตามไล่ยิงกระสุนทะลุประตูเหล็กเป็นรูโบ๋ ไม่จบแถมส่อพิรุธ เหยื่อโร่ให้ปากคำใหม่หมด พบไม่มีบันทึกร้องทุกข์ตอนโดนไล่-ยิง แถมชายแปลกหน้าตามถ่ายรูปบ้านจนพ่อ-แม่ผวา
บ่ายวันนี้ (7 พ.ย. 65) นายทวีพงศ์ (บู) ยอดสิริ อายุ 36 ปี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากได้เข้าร้องทุกข์กรณีถูกชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ป.ป.ส.ซ้อมคาร้านต้นโพธิ์คาราโอเกะ ต.หัวเวียง อ.เมือง ลำปาง หรือที่คนลำปางรู้จักคือ ร้านต้นโพธิ์หลังช่อง 8 เก่า ร้านย่านหลังช่อง 8 ลำปางเก่า ก่อนวิ่งไล่และชักปืนยิง 1 นัด เมื่อค่อนรุ่งของวันที่ 21 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีอยู่ในบันทึก โดยมีแม่ไปด้วยเพราะความเป็นห่วง
ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้ใช้เวลาในการบันทึกถ้อยคำใหม่ทั้งหมดเกือบสองชั่วโมง จากนั้นได้พาตัวนายบูไปชี้จุดประกอบคำให้การทันที โดยขอไม่ให้นายบูแจ้งสื่อมวลชน แต่เมื่อผู้สื่อข่าวทราบจึงรีบตามไปสังเกตการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงพนักงานสอบสวนได้รีบออกจากที่เกิดเหตุทันที
สอบถามนายบูบอกว่า พนักงานสอบสวนได้ให้ตนเองให้การใหม่ทั้งหมด โดยให้เรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นที่นั่งดื่มภายในร้าน กระทั่ง 03.00 น.เศษของวันเกิดเหตุคือ 21 ต.ค. มีชายฉกรรจ์เดินเข้าไปในร้านแล้วเปิดเอวโชว์ปืนที่พกมา ก่อนจะหาเรื่องและซ้อมตนทั้งตบทั้งเตะ จนตนวิ่งหนีออกมาทางประตูหน้าร้าน แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังวิ่งตาม เมื่อตนกระโดดข้ามคานประตูไปได้เพียงเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงปืนตามหลังและได้ยินเสียงคนล้ม แต่ก็ไม่ได้หันมามองเพราะขณะนั้นกลัวมากคิดอย่างเดียวว่าต้องวิ่งหนีให้รอด
กระทั่งเช้าจึงกลับมาดูก็พบว่ากระสุนที่ชายคนดังกล่าวยิงทะลุเข้าประตูเหล็กของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นรูโบ๋ และในวันถัดมาแม่จึงพาไปหาหมอเพราะเจ็บหน้าอก ก่อนจะนำใบตรวจร่างกายและเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จากนั้นด้วยความกลัวจึงได้หนีไปอยู่บ้านเพื่อน
นายบูบอกว่าระหว่างที่ตนไม่อยู่บ้าน ญาติซึ่งติดต่อกับพ่อและแม่ที่บ้านบอกว่ามีตำรวจมาหาที่บ้านเพื่อเรียกตนเองไปให้ปากคำเพิ่มเติม และมีกลุ่มชายซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นใครได้แวะเวียนไปแถวหน้าบ้าน ไปถ่ายรูปบ้าน จนพ่อกับแม่หวาดกลัวไปกันหมด วันนี้จึงตัดสินใจให้พี่พาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมให้เป็นไปตามขั้นตอน
“วันนี้ผมยืนยันได้ว่าชายที่ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง หลังจากที่ไปเสิร์ชดูรูปการจับยาเสพติดและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ด้วย ซึ่งผมจำหน้าได้แม่นแม้ในรูปจะสวมหน้ากากอนามัยก็ตาม ยอมรับว่าตอนนี้หวาดกลัวเรื่องความปลอดภัยเพราะอีกฝ่ายเป็นคนมีสีและมีพรรคพวกจำนวนมาก แต่จะสู้ให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุในลักษณะนี้กับคนอื่นๆ อีก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่กำลังถ่ายภาพที่เกิดเหตุหลังจากพนักงานสอบสวนกลับไปแล้ว ได้มีชายแปลกหน้าขับขี่รถกระบะสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดและลงมาแอบถ่ายรูป เมื่อผู้สื่อข่าวเห็นจึงหันกล้องไปบันทึกภาพ ชายคนดังกล่าวจึงรีบถ่ายรูปแล้วรีบขึ้นรถขับออกไป ก่อนจะวนมาพยายามแอบถ่ายรูปอีก ซึ่งสร้างความสงสัยให้ทุกคนที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุว่า หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไมไม่ลงมาแสดงตนและถ่ายรูปตามปกติแต่ทำไมถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ ซึ่งยิ่งสร้างความหวาดระแวงและหวาดกลัวให้แก่ผู้เสียหาย