กาญจนบุรี - รักษาราชการแทนเจ้าท่ากาญจน์ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือดูดทรายกลางแม่น้ำแม่กลอง หลังพลเมืองดีร้องเรียน หวั่นมีการลักลอบดูดทรายโดยผิดกฎหมาย พบใบรับอนุญาตใช้เรือหมดอายุ พ.ค. ปี 66 ใบอนุญาตหมดสิ้นปี 65
วันนี้ (2 พ.ย.) นายสุริยา กิตติมณฑล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสงคราม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดีว่า ขอให้เข้าตรวจสอบเรือดูดทรายที่อยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง ท้องที่หมู่ 2 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เนื่องจากเกรงว่าจะมีการลักลอบดูดทรายโดยผิดกฎหมาย หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี นำเรือออกเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง
ไปถึงจุดแจ้ง เจ้าหน้าที่พบคนงานประจำเรือดูดทราย จำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ทราบ จากนั้นจึงขอให้เคลื่อนย้ายเรือดูดทรายไปจอดที่ฝั่งใกล้กับสำนักงานเจ้าท่าสาขากาญจนบุรี พร้อมกับให้นำเอกสารการอนุญาตมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งผลจากการตรวจเอกสาร พบได้รับอนุญาตให้ขุดลอกเพื่อประกอบการอนุญาตให้ดูดทรายตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตามมาตรา 120 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 50 ลงวันที่ 18 ม.ค.2515 และแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย ฉบับที่ 14 พ.ศ.2535 โดยมีระยะห่างจากฝั่ง 130 เมตร ขนาดกว้างตามลำน้ำ 20 เมตร ยาว 200 เมตร ซึ่งใบอนุญาตที่นำมาแสดงจะหมดอายุลงในเดือนธันวาคม 2565
ส่วนเรือดูดทรายจะสิ้นสุดการได้รับอนุญาตให้ใช้ในเดือน พ.ค.2566 ทั้งนี้ นายสุริยา กิตติมณฑล รรท.ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากาญจนบุรี เปิดเผยว่า การตรวจสอบในครั้งนี้สืบเนื่องจากเราได้รับการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการดูดทรายในแม่น้ำแม่กลอง ท้องที่หมู่ 2 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง ตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือออกไปตรวจสอบ และจากการตรวจสอบนั้นพบว่าเรือดูดทรายที่ได้รับแจ้งมานั้นมีจริง
และจากการตรวจสอบใบอนุญาตทั้งหมดที่มีทั้งใบอนุญาตใช้เรือ ใบสัมปทานตามมาตรา 9 ใบอนุญาตขุดลอกจากเจ้าท่าซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำเอกสารทั้งหมดมาแสดงได้ทั้งหมด และจากการเช็กพิกัดพบว่าเป็นการดูดทรายอยู่ภายในบริเวณแปลงที่ได้รับสัมปทาน และเป็นการดูดทรายอยู่ในร่องรูปแผนที่ที่ได้รับอนุญาตให้ดูดทรายที่ความกว้าง 20 เมตร ยาว 200 เมตร จากนั้นจึงได้ลำเลียงเพื่อนำทรายมาขึ้นฝั่งมาเก็บบริเวณพื้นที่สต๊อกเก็บทรายที่อยู่ริมฝั่ง จึงทำให้ผู้ร้องเรียนเข้าใจว่าเป็นการลักลอบดูดทราย
สำหรับมาตรการป้องกันการกระทำผิดนั้น ทางสำนักงานเจ้าท่าสาขากาญจนบุรี ได้มีการออกตรวจตราเป็นประจำอยู่แล้ว และนอกจากนี้ ยังได้มีหนังสือไปถึงหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อขอให้บูรณาการร่วมกันในการคอยตรวจสอบหรือเฝ้าระวังผู้กระทำผิด หากพบผู้ต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าสาขากาญจนบุรี เมื่อได้รับแจ้งเจ้าน้าที่จะเดินทางไปตรวจสอบในทันที
สำหรับภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรี ในปัจจุบันมีการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการท่าทรายตามมาตรา 9 คือการประกอบกิจการเพื่อการพาณิชย์ จำนวน 18 ท่า ซึ่งขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนไปถึงผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 9 ถือว่าเป็นการลักลอบนำทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินไปหาผลประโยชน์ส่วนตัว หากถูกจับกุมจะมีความผิดอันมีโทษที่รุนแรงและอาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ข้างเคียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถาม 1 ใน 2 คนงานประจำเรือดูดทรายทราบว่า ได้ดำเนินการดูดทรายมานานหลายสิบปีแล้ว โดยการดูดทรายจะเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น.ของทุกวัน แต่ละวันจะได้ทรายวันละ 3 ลำๆ ละประมาณ 40 คิว หรือ 120 คิวต่อวัน