บุรีรัมย์ - ลูกบ้านร้องขอความเป็นธรรม หลังผู้ใหญ่บ้านเมากร่างบุกบ้านยามวิกาลชักปืนจี้หน้าอกลูกบ้านขู่ฆ่า อ้างสังสรรค์กันเสียงดัง ชาวบ้านช่วยกันแย่งปืนชุลมุนลั่น 1 นัดเคราะห์ดีกระสุนไม่โดนใคร ผวาไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ปลอดภัย หลัง ผญบ.ได้รับประกันตัวและไม่ถูกให้ออก แถมขู่อาฆาตยิงตายให้หมด ขณะเจ้าตัวปิดบ้านล่องหน ญาติปัดให้ข้อมูล
วันนี้ (25 ต.ค.) ชาวบ้านในตำบลบุกระสัง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำคลิปหลักฐานวันเกิดเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากผู้ใหญ่บ้านมีพฤติกรรมดื่มเหล้าเมาแล้วใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ โดยการพกพาอาวุธปืนบุกเข้าไปในบ้านชาวบ้านในยามวิกาล แล้วตะโกนถามหาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน ก่อนชักอาวุธปืนจี้หน้าอกหลานผู้หญิงคนดังกล่าวแล้วโวยวายขู่จะยิงตายให้หมด
จนชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องช่วยกันแย่งปืนจากมือของผู้ใหญ่บ้าน จนปืนเกิดลั่น 1 นัด แต่เคราะห์ดีที่กระสุนไม่ได้โดนใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กเพราะตกใจกลัว และที่ชาวบ้านกลัวคือล่าสุดผู้ใหญ่บ้านคนที่ก่อเหตุได้รับการประกันตัวออกมา และยังคงดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอยู่ จึงเกรงจะไม่ปลอดภัยเพราะผู้ใหญ่บ้านเคยขู่อาฆาตไว้
โดยคลิปที่ชาวบ้านนำมาร้องเรียนเป็นคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 19 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปเป็นช่วงที่ชาวบ้านช่วยกันล็อกตัวผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองกี่ และกำนันในพื้นที่จะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้ใหญ่บ้านไปยังโรงพัก ส่วนภาพในกล้องวงจรปิดเป็นหน้าบ้านของ น.ส.ศิริรัตน์ แงะเกาะ หรือจง อายุ 50 ปี คู่กรณีที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใหญ่บ้าน
เหตุการณ์ในภาพจะเห็นว่าผู้ใหญ่บ้านขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านช่วงประมาณ 20.19 น. วันเดียวกันคือวันที่ 19 ต.ค. จากนั้นได้ลงจากรถ จยย.มาตะโกนเรียก น.ส.ศิริรัตน์ คู่กรณีแต่ น.ส.ศิริรัตน์ไม่อยู่เพราะไปกินข้าวที่บ้านน้องสาวซึ่งเป็นบ้านหลังเกิดเหตุ แล้วในภาพเหมือนกับผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์หาใครแล้วก็ขี่ จยย.ออกไป ผ่านไปไม่กี่นาทีก็ขี่ จยย.ย้อนกลับเข้าไปในซอยอีกครั้ง คาดว่ามุ่งหน้าไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เพราะห่างกันไม่กี่นาก็เกิดเหตุที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปชักปืนจี้คนในบ้าน
สอบถาม น.ส.ศิริรัตน์ หรือจง เล่าว่า วันเกิดเหตุตนไปกินข้าวที่บ้านน้องสาวซึ่งเป็นบ้านหลังเกิดเหตุ เพราะญาติพี่น้องลูกหลานซึ่งเขามาจากต่างจังหวัดมางานเผาศพของยาย ก็ได้มานั่งกินสังสรรค์กันตามประสาญาติพี่น้อง แต่ไม่ได้มีการเปิดเครื่องเสียงอะไร แต่จู่ๆ ผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีอาการเมาก็บุกเข้ามาตรงที่ลูกหลานนั่งดื่มกินกันอยู่บริเวณมุขระเบียงหน้าบ้าน แล้วตะโกนเสียงดังลั่นว่า “อีจงอยู่ไหน มึงออกมาๆ” แต่ตอนนั้นตนนั่งคุยกับน้องสาวอยู่ในบ้าน แล้วมีหลานชายเดินออกมาสวัสดีผู้ใหญ่บ้านแล้วถามว่ามีอะไรก็ให้คุยกันดีๆ แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับไม่ฟังได้ชักปืนออกมาจี้ที่หน้าอกของหลาน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาดึงแขนหลานออกไปเพราะกลัวเขาจะยิงหลาน
จากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็หันปืนมาหาตนก็ตกใจมากทำอะไรไม่ถูก พอญาติพี่น้องลูกหลานเห็นจึงพากันมาแย่งปืนจากมือของผู้ใหญ่บ้านจนเกิดการชุลมุนแล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น 1 นัดแสดงว่าผู้ใหญ่บ้านขึ้นลำกล้องพร้อมจะยิง แต่เคราะห์ดีที่กระสุนไม่ได้โดนใครบาดเจ็บ หลังจากแย่งปืนได้พากันล็อกตัวผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ และควบคุมตัวผู้ใหญ่บ้านพร้อมยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไป ซึ่งผู้ใหญ่บ้านอ้างกับตำรวจว่ามีคนร้องเรียนว่าดื่มเหล้าสังสรรค์กันเสียงดังจึงมาระงับเหตุ
น.ส.ศิริรัตน์ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใหญ่บ้าน และเคยถูกผู้ใหญ่บ้านทำร้ายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2563 แต่ตอนนั้นกำนันได้มาไกล่เกลี่ยและรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก ตนจึงไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี แต่ผู้ใหญ่บ้าายังมาตามหาเรื่องตลอดจนบางครั้งต้องไปขอนอนบ้านญาติเพราะกลัว กระทั่งล่าสุดถึงกับบุกเข้าไปก่อเหตุในบ้านน้องสาวตนเอง และเชื่อว่าน่าจะตั้งใจไปยิงตนเอง
ล่าสุดทราบว่าผู้ใหญ่บ้านได้รับการประกันออกมาแล้ว เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและจะไม่ปลอดภัย เพราะเขาเคยขู่อาฆาตเอาไว้ว่าจะยิงตายให้หมด จึงอยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด และอยากให้ปลดออกจากผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ
ด้าน น.ส.เบญจวรรณ อายุ 30 ปี ลูกสาวป้าจง บอกว่า จากพฤติการณ์ของผู้ใหญ่บ้านถือว่าทำเกินกว่าเหตุที่พกปืนบุกเข้าไปในบ้านคนอื่นยามวิกาล ทั้งใช้ปืนจี้ขู่ฆ่าอีก ซึ่งการกระทำมันขัดแย้งกับที่ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอ้างว่ามาตรวจสอบเพราะดื่มเหล้าเสียงดังทั้งที่ไม่ได้มีคนร้องเรียน และล่าสุดเห็นว่าได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ไปยื่นคัดค้านการประกันตัวกับพนักงานสอบสวนไว้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าตำรวจได้ยื่นค้านประกันตัวในชั้นศาลให้หรือไม่ กลัวว่าแม่และคนในครอบครัวจะไม่ปลอดภัยจึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด และขอให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบเอาผิดวินัยด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน แต่ถูกปิดล็อกประตูไว้ไม่มีใครอยู่ จึงไปสอบถามที่บ้านพี่ชายของผู้ใหญ่บ้าน ปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลและไม่อนุญาตให้บันทึกภาพใดๆ
ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามข้อมูลกับ ร.ต.อ.ทองสุข โปร่งทะเล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองกี่ ร้อยเวรฯ เจ้าของคดี ให้ข้อมูล เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาผู้ใหญ่บ้าน 3 ข้อหา คือ “บุกรุกในยามวิกาล, พกพาอาวุธปืน และพยายามฆ่า" ซึ่งในชั้นสอบสวนไม่ได้ให้ประกันตัวและส่งศาลตามขั้นตอน แต่ทางญาติได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลโดยใช้หลักทรัพย์ 300,000 บาท ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาล ส่วนตำรวจดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมาย