xs
xsm
sm
md
lg

ท่องเที่ยวพัทยาพร้อมหนุนสนามบินอู่ตะเภาสู่การเป็น Aviation Hub หรือสนามบินพาณิชย์ 100%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา ​- ภาคท่องเที่ยวพัทยาถกร่วมบอร์ดสนามบินอู่ตะเภา เดินหน้ายกระดับสนามบินสู่การเป็น Aviation Hub สนามบินพาณิชย์แบบ 100% แต่ยังติดปัญหาเรื่อง​ค่าน้ำมันที่สูงกว่าสนามบินอื่นจนหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อการเข้ามาของนักท่องเที่ยว

วันนี้ (21 ต.ค.) สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ณ โรงแรมซันบีม พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เป็นประธานการประชุม และมีนาวาเอกรตน (รัตน์) วันภูงา ผู้อำนวยการกองพัฒนากิจการและทรัพย์สิน การท่าอากาศยานอู่ตะเภา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้แทนภาคตะวันออก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดย นาวาเอกรตน วันภูงา ผู้อำนวยการกองพัฒนากิจการและทรัพย์สิน การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ได้ชี้แจงความคืบหน้าและแนวทางการดำเนินงานของท่าอากาศยานอู่ตะเภา ในการเปิดให้บริการ​เชิงพาณิชย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญอีกด้านของรัฐบาลในการพัฒนาเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา มีลู่วิ่งขนาดมาตรฐานยาว 3,500 เมตร กว้าง 60 เมตร และมี 52 หลุมจอด

และหากใช้ทางวิ่งเต็มศักยภาพจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี โดยอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เดิมนั้นสามารถรองรับผู้โดยสารทั้งในและระหว่างประเทศได้ประมาณ 700,000 คนต่อปี


ส่วนอาคารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งที่ 2 ติดต่อกันนั้นจะมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งรัฐบาลมีแผนพัฒนาพื้นที่ในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย พื้นที่ให้บริการที่ภาครัฐจะมีการลงทุนก่อสร้างเพิ่มเติมทางวิ่งที่ 2 เพื่อให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรการบิน

การพัฒนา​ระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการขยายตัวของสนามบิน และเปิดพื้นที่ให้บริการใหม่รองรับการเป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของประเทศไทย ที่จะเชื่อมโยงทั้งด้านเศรษฐ กิจและการท่องเที่ยวในเขตส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพื่อรองรับการขยายตัวของพื้นที่ EEC และเป็น Aviation Hub ที่สำคัญในภูมิภาค

"ความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ขณะนี้ได้ดำเนินปรับหน้าดินและถมดินเสร็จแล้ว และในช่วงปลายปี 2565 นี้จะมีการก่อสร้างรันเวย์แห่งที่ 2 และลานจอดฝั่ง EEC โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ TOR เพื่อเปิดประมูลหาผู้รับจ้าง ทั้งนี้ อาคารผู้โดยสารที่จะมีการก่อสร้างใหม่จะเป็นรูปสามแฉก ซึ่งตามแผนการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 และพร้อมเปิดให้บริการรองรับผู้โดยสารในทันที"

แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สนามบินต้องประสบปัญหาเรื่องระบบขนส่งสาธารณะหลังไม่มีผู้โดยสาร โดยในอนาคตจะได้มีการหารือร่วมกับกรมการขนส่ง เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป ส่วนค่าจอดสนามบินได้ปรับลดราคาค่าบริการ 50% ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงมีนาคม 2566 ที่จะถึงนี้


ส่วนกรณีการตั้งข้อสังเกตของตัวแทนภาคธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เรื่องศักยภาพการรองรับผู้โดยสารของสนามบินอู่​ตะเภา​ รวมทั้งอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่หลังสถานการณ์​โควิด-19 คลี่คลาย รวมทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของสนามบินที่ยังอยู่ในเรตราคาที่สูงจนทำให้หลายสายการบินใหม่ไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ จนทำให้สูญเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวนั้น

นาวาเอกรตน ชี้แจงว่า ปัจจุบัน​ศักยภาพสนามบินอู่ตะเภายังคงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ในอัตรา 2 ล้านคนเท่าเดิม ส่วนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้เพิ่มอัตรากำลังเพื่อเสริมประสิทธิภาพการให้บริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

"เรื่องค่าเชื้อเพลิงที่แพงกว่าสนามบินอื่นๆ นั้นเพราะโรงกลั่นน้ำมันอยู่ไกลพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา แต่อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และไม่ไกลจากดอนเมือง ทำให้การขนส่งเชื้อเพลิงมาสนามบินอู่ตะเภาจึงต้องขนส่งมาด้วยรถบรรทุกเท่านั้น ซึ่งการขนส่งทางท่อจะถูกกว่าการขนส่งทางรถ จึงทำให้ราคาค่าเชื้อเพลิงที่สนามบินอู่ตะเภาแพงกว่าสนามบินอื่นๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าวที่ภาคท่องเที่ยวพัทยาสะท้อนมานั้น หน่วยงานทหารเรือพร้อมที่จะรับไปหาแนวทางแก้ไข" นาวาเอกรตน กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น