ประจวบคีรีขันธ์ - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ร่วมประชุมสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ พร้อมเปิดแผนผลักดันตลาดอาเซียน เข้าพื้นที่เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศอาเซียน เผยปีหน้าเน้นส่งเสริมสปอร์ตทัวริซึม เพื่อส่งเสริม และฟื้นฟูการท่องเที่ยว
นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ เผยว่า วานนี้ (19 ต.ค.) ที่ห้องประชุมโรงแรม เชอราตัน รีสอร์ท หัวหินแอนด์สปา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ได้จัดประชุมประจำเดือน โดยมีคณะกรรมการ ผู้ประกอบการโรงแรมหัวหิน/ชะอำ พร้อมด้วย นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นายกิตติพงศ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ทั้งใช้ช่วงปลายปี และช่วงปีหน้า
นายกิตติพงศ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานการท่องเที่ยวปี 2566 สำหรับตลาดในประเทศนั้น ททท. จะกระตุ้นความต้องการเดินทางของคนไทย สอดรับกับแคมเปญสื่อสาร “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” กำหนดกลยุทธ์ REAL ประกอบด้วย Responsible Tourism, Extra-ordinary Experience, Avantgarde Marketing และ Less for more Economy ต่อยอดทิศทางส่งเสริมตลาด 5 ภาค เน้นพาเที่ยวเมืองไทยอย่างอบอุ่น เสนอแคมเปญ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย…เที่ยวได้ทุกวัน” และเปิดประสบการณ์ใหม่เมืองรองมิรู้ลืม ชูความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ของแต่ละภาค มียุทธศาสตร์ด้านการตลาดในประเทศ 4 ข้อ
1.เน้นการเพิ่ม 2.เน้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว 3.เน้นเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยว และ ประสบการณ์ 4.เน้นการเพิ่มศักยภาพ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 คือ 2.38 ล้านล้านบาท และภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยคิดเป็น 80% มีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 175 ล้านคน ภาคกลาง พาอินเทรนด์กระแสท่องเที่ยวภาคกลางด้วยเมนูประสบการณ์ใหม่ “Trendy C2” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen-Y และ Gen-Z C ตัวที่ 1 (Create New Experience) : สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้การเดินทางมีความหมายกับชีวิต C ตัวที่ 2 (Charming of Central) : เสน่ห์ของภาคกลางที่จะช่วยเสริมพลังด้านบวกให้กับชีวิต สีประจำภาคกลางอันเป็นมงคล คือ สีแดงเข้ม หรือสี Crimson ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงพลังงานด้านบวก ความรัก ความก้าวหน้า โชคลาภ และความเป็นผู้นำ
การส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่มนักท่องเที่ยว Expats เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นผ่านการจัดกิจกรรรม International Event การนำเสนอเอกลักษณ์ของเพชรบุรีเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารและมรดกโลกผืนป่าแกงกระจาน ประจวบคีรีขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวและสุขภาพ นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้ไปร่วมงานธุรกิจการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เช่น งาน ITB ASIA และงาน NATAS TRAVEL FAIR ที่ประเทศสิงคโปร์ งาน THAILAND GOLF TRAVEL MART ซึ่งกำหนดจะจัดที่หัวหินประมาณเดือนเมษายน 2565
นายกิตติพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีหน้าที่สถานการณ์โควิด-19 ที่คลายลงเป็นอย่างมากและเปิดประเทศ ซึ่งทางเราคาดหวังอยู่ 2 เรื่องคือ ให้คนไทยท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นในวันธรรมดา และเจาะกลุ่มต่างประเทศโดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งเป็นของประเทศที่สำคัญมีการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยค่อนข้างสูง โดยทางภูมิภาคจะมาช่วยในด้านนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพและรายได้ให้ชุมชน ซึ่ง ททท. คาดหวังอยู่ 2 เรื่อง คือ เราจะ maintain นักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ ให้คนไทยมาเที่ยวในพื้นที่ให้มากขึ้น เจาะกลุ่มให้มาเติมเต็มวันธรรมดาของพื้นที่นี้ ในตลาดต่างประเทศตอนนี้เราต้องมองถึงเงินตราต่างประเทศซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก
ตลาดที่สำคัญและน่าสนใจมากเลยคือตลาดในภูมิภาคอาเซียน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศอาเซียนอื่นๆ เช่นพม่า กัมพูชา เวียดนามตอนใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่สำคัญ และมีการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างสูงในช่วงที่ผ่านมา ทุกประเทศดังกล่าวติด top 5
แน่นอนตลาดที่สำคัญมากคือตลาดอินเดีย ในขณะที่จีนยังไม่เปิดประเทศ แต่ทราบว่ามีกรุ๊ปแต่งงานอินเดียเริ่มเข้ามาในพื้นที่หัวหิน/ ชะอำแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่อยากจะให้เรา active มากขึ้นในการทำตลาดต่างประเทศ เพราะการนำนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามาที่พื้นที่ในวันธรรมดาเป็นไปได้ยาก แต่ไม่ได้เกินความสามารถ แต่ที่จะได้แน่ๆ เลย คือ นักท่องเที่ยวต่างประเทศซึ่งเขาไม่ถูกจำกัดเรื่องวันธรรมดาหรือวันหยุด สิ่งเหล่านี้จะมาเติมเต็มให้พื้นที่เมืองหัวหินและชะอำ เป็นการสร้างรายได้รายได้ให้ผู้ประกอบและชุมชน
ด้านนางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องติดตามดูว่าในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 เดือนเท่านั้นจะมีเรื่องของฝนตกน้ำท่วมเข้ามาหรือไม่ หากไม่มีอะไรภาพรวมของการท่องเที่ยวในส่วนของหัวหิน/ชะอำน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 80 เป็นสัดส่วนคนไทย ที่เหลือชาวต่างชาติ ซึ่งตัวแปรตอนนี้อีกปัจจัย หลังจากญี่ปุ่นเปิดประเทศกลุ่มคนไทยหันไปเที่ยวค่อนข้างเยอะ และหากในช่วงดังกล่าวประเทศแถบเอเชียเปิดประเทศมากเพิ่มขึ้น มั่นใจกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อส่วนหนึ่งเดินทางไปต่างประเทศแน่นอน ส่วนชาวต่างชาติในไตรมาสแรกปี 66 น่าจะดีขึ้นตามลำดับ
ซึ่งภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์/เพชรบุรี ยอมรับว่าฟื้นตัวแต่จะไปเปรียบกับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้ ซึ่งทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ ในปี 2566 มีแผนการตลาดต่อเนื่องของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ เน้นการส่งเสริมสปอร์ตทัวริซึม การปั่นจักรยาน การเดิน-วิ่ง เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนการจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมกระตุ้น และฟื้นฟูการท่องเที่ยว