หนองคาย - ศุลกากรหนองคายเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวเที่ยวงานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค คาดคนเข้า-ออกประเทศมากกว่าหมื่นคน ย้ำต้องมีพาสปอร์ตรถ ซื้อเหล้า บุหรี่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย นายภาคิน เทียบคำ หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 ส่วนบริการศุลกากร 1 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าด่านพรมแดนหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ให้บริการและอำนวยความสะดวกประชาชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกประเทศ ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดประเทศเนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 เป็นต้นมา ปรากฏว่ามีประชาชนเดินทางเข้าออกไทย-ลาว วันละหลายพันคน
โดยเฉพาะความนิยมของคนไทยต่อการเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มมากขึ้น ยิ่งในช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องกันจะมีประชาชนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกไม่ต่ำกว่าวันละหมื่นคน และในเวลาอันใกล้นี้จะถึงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค มีการคาดการณ์กันว่าจะมีประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่จังหวัดหนองคายเพื่อชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค และใช้โอกาสนี้ท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
นายภาคิน เทียบคำ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ประจำ ณ ด่านพรมแดนหนองคาย ได้จัดเตรียมกำลังบุคลากรเพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนนักท่องเที่ยวให้เพียงพอ เน้นการบริการที่สุภาพ เป็นมิตร แต่เข้มแข็ง กล่าวคือ ให้บริการด้วยดีควบคู่กับการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้าออกประเทศ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว
โดยเน้นว่าการเดินทางเข้าออกประเทศสำหรับผู้ที่ต้องการนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปเองจะต้องมีพาสปอร์รถทุกครั้ง หากไม่ใช่เจ้าของรถจะต้องมีใบมอบอำนาจให้นำยานพาหนะข้ามพรมแดนไปได้
ส่วนการซื้อเหล้า บุหรี่ ยาเส้น กรณีใช้พาสปอร์ตเดินทางจะซื้อได้ไม่เกิน 1 ลิตร ยาเส้นไม่เกิน 200 กรัม บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หากมีการซื้อกลับเข้าประเทศเกินกว่าที่กฎหมายศุลกากรกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่จะมีกล่องสำหรับหย่อนเหล้าบุหรี่ที่เกินกำหนดเหล่านั้นเพื่อจะไม่ถูกดำเนินคดี แต่หากมีการลักลอบเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากร