เชียงใหม่ - สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เร่งสำรวจองค์พระธาตุเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี “วัดศรีสุพรรณ” ที่พังถล่มลงมาเสียหายหลังฝนตกหนัก ชี้ตัวองค์พระธาตุด้านในเป็นโบราณสถานแต่มีการก่อทับด้านนอกด้วยซีเมนต์ และไม่มีการเสริมโครงสร้างรองรับ เบื้องต้นปิดพื้นที่ตรวจสอบเศษวัสดุและโบราณวัตถุอย่างละเอียดเพื่อสืบค้นยุคสมัยที่แน่ชัด พร้อมวางแผนบูรณะซ่อมแซม
ความคืบหน้ากรณีองค์พระธาตุเจดีย์วัดศรีสุพรรณ พระธาตุเก่าแก่ อายุกว่า 500 ปี ภายในวัดศรีสุพรรณ ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พังถล่มลงมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (29 ก.ย. 65) จนเหลือไม่ถึงครึ่งองค์ ล่าสุดเช้าวันนี้ (30 ก.ย. 65) นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 นำเจ้าหน้าที่พร้อมเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย
เบื้องต้นเปิดเผยว่าแกนในขององค์พระธาตุเป็นโบราณสถานเดิม ที่มีการก่อพอกด้วยซีเมนต์เพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรง เป็นเหมือนการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โบราณสถานเดิมโดยไม่มีการเสริมโครงสร้าง ประกอบกับในพื้นที่มีการเทพื้นคอนกรีตโดยรอบ ทำให้ความชื้นใต้ดินไม่สามารถระเหยออกมาได้ จึงระเหยเข้าไปในองค์พระธาตุ
นอกจากนี้ยังมีการทาสีทองทับองค์เจดีย์ทั้งองค์ กลายเป็นการเคลือบทับไม่ให้ความชื้นระเหยออกมา ทำให้เมื่อมีรอยแตก น้ำฝนจะค่อยๆ ซึมเข้าไปสมทบเพิ่มกับความชื้นด้านในจนทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักไว้ได้ในที่สุด โดยก่อนหน้านี้ทางวัดศรีสุพรรณได้สังเกตเห็นรอยร้าวและตัวเจดีย์เริ่มโน้มเอียง จึงมีการกันพื้นที่ปลอดภัยเอาไว้ ถือเป็นโบราณสถานแห่งที่สองในจังหวัดเชียงใหม่ที่เกิดเหตุพังถล่มในรอบ 4 วัน ต่อจากกำแพงประตูช้างเผือก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบวัตถุโบราณที่อยู่ภายในองค์พระธาตุเจดีย์วัดศรีสุพรรณว่าอยู่ในยุคสมัยไหน ซึ่งมีทั้งเก่าและใหม่ และน่าเป็นกังวลว่าหากมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีกอาจทำให้องค์พระธาตุถล่มลงมาทั้งหมด เนื่องจากฐานด้านล่างขาดหมดแล้ว โดยในช่วงบ่ายวันนี้ ทางวัดศรีสุพรรณจะทำพิธีสู่ถอนตามประเพณีโบราณล้านนา ก่อนจะเริ่มการบูรณะซ่อมแซมต่อไป