อุบลราชธานี - อธิบดีกรมชลประทานระดมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำรับมือพายุโนรู โดยยึดแนวปฏิบัติน้ำท่วมปี 2562 เร่งระบายน้ำฝนที่ตกลงมาไหลออกไปแม่น้ำโขงเร็วที่สุดเพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ท้ายน้ำ
บ่ายวันนี้ (27 ก.ย.) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมผู้บริหารสำนักชลประทานในพื้นที่อีสานตอนล่าง เดินทางติดตามสถานการณ์ระดับน้ำท่วมที่สถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อวางแผนเตรียมรับมือน้ำฝนจากพายุโนรู ซึ่งจะเข้าประเทศไทยช่วงระหว่างวันที่ 28-30 ก.ย.นี้ ให้เกิดผลกระทบต่อจังหวัดอุบลราชธานีน้อยที่สุด
นายประพิศ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงการเตรียมรับมือพายุโนรูว่า มีการเตรียมเครื่องมือทั้งเครื่องผลักดัน เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด หลังการระบายน้ำออกแล้วจะมีเครื่องดูดน้ำไฮโดรโปนิก ซึ่งมีพลังการดูดแม้มีเศษขยะไม่ใหญ่มากไหลปะปนมา เร่งนำน้ำออกจากพื้นที่กระจายช่วยเหลือประชาชนที่มีน้ำท่วมขัง
โดยกรมชลประทานเตรียมเครื่องมือใช้ช่วยเหลือครั้งนี้กว่า 300 หน่วย โดยยึดโมเดลปี 2562 เป็นแนวปฏิบัติ เพราะปี 2562 แม่น้ำมูลค่อนข้างสูง เพื่อลดผลกระทบให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเร็วที่สุด
หลังจากนั้นนายประพิศได้เดินทางไปดูการทำงานของเจ้าหน้าที่และเครื่องผลักดันน้ำที่สะพานข้ามแม่น้ำมูลในอำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจากเดิม 140 เครื่องเป็น 170 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงขนาด 30 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เพื่อระบายน้ำข้ามแก่งสะพือไหลออกไปลงแม่น้ำโขงได้เร็วขึ้น
ขณะนี้มีอัตราการระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงผ่านเขื่อนปากมูลวันละกว่า 360 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีอัตราการไหลเข้าของน้ำผ่านสถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย วันละ 285 ล้านลูกบาศก์เมตร