พระนครศรีอยุธยา - เจ้าท่าอยุธยาเข้มความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ และประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรือได้ทราบและการออกตรวจตราปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์น้ำวันนี้ (25 ก.ย.) ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไหลผ่านสถานี C13 ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 1,989 ลบ.ม./วินาที วานนี้ 1,989 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านคงที่ ระดับน้ำที่สถานี C35 บ้านป้อม พระนครศรีอยุธยา ระดับตลิ่ง 4.35 ม. ระดับน้ำ 4.50 ม. วานนี้ 4.45 ม ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ปริมาณน้ำระบายท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไหลผ่านสถานี S.28 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 133 ลบ.ม./วินาที วานนี้ 151 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำระบายลดลง 18 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำที่สถานี S.26 (เขื่อนพระรามหก) อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระบาย 418 ลบ.ม./วินาที ระดับตลิ่ง 8 ม. ระดับน้ำ 5.06 ม. วานนี้ 4.82 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 24 ซม. สถานี S.5 (สะพานปรีดี-ธำรง) อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรียุธยา ระดับตลิ่ง 4.70 ม. ระดับน้ำ 3.50 ม. วานนี้ 3.44 ม. ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ขณะที่ นายพีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา มอบหมายให้ นายปิยชนินทร์ สุนทรเนตร เจ้าพนักงานตรวจท่า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ออกตรวจปราบปราม เฝ้าระวัง และควบคุมการจราจรทางน้ำ โดยนำเรือตรวจการณ์ 2117 ควบคุมการจราจรทางน้ำ และประชาสัมพันธ์ เรื่องความปลอดภัยของการสัญจรทางน้ำในช่วงฤดูฝน
ซึ่งคาดหมายว่าอาจมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากการที่กรมชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือนว่าเขื่อนต่างๆ จะมีการระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำป่าสักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้มีน้ำไหลหลากอย่างรุนแรง อันเป็นผลกระทบต่อการเดินเรือ และการสัญจรของประชาชนในพื้นที่
ในการนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำเรือตรวจการณ์ออกตรวจตรา พร้อมกำชับให้ผู้ควบคุมเรือ และสรั่งเรือลำเลียงสวมใส่ชูชีพทุกครั้งขณะปฏิบัติงานภายนอกตัวเรือ และเรือตรวจการณ์ออกประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรือซึ่งสัญจรในพื้นที่ได้รับทราบ และปฏิบัติตามประกาศของเจ้าท่า
รวมทั้งเฝ้าติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวเรือเป็นอย่างดี ซึ่งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา จะดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรืออย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีปริมาณน้ำสูงขึ้นเพื่อความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก