ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - เกษตรกรระบุปัญหาลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนต้องตัดตอนโดยเร็ว หวั่น ASF ปนเปื้อนแพร่ระบาดในไทย กระทบผู้เลี้ยงที่เพิ่งกลับเข้าเลี้ยง แนะผู้บริโภคเลือกซื้อจากร้านที่มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK”
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรพยายามปราบหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาในหลายช่องทาง แล้วนำมากระจายขายทั่วทุกภูมิภาค ในราคาที่ต่ำกว่าราคาเนื้อหมูในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องตัดตอนโดยเร็ว เพื่อป้องกันการระบาดของโรคที่อาจปนเปื้อนเข้ามากับเนื้อหมูและเครื่องในที่ลักลอบนำเข้าที่จะกลายเป็นอุปสรรคในการเร่งเพิ่มซัปพลายเนื้อหมูในประเทศ ตามที่สมาคมฯ ได้เร่งส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงรายย่อยทยอยกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง
“เป็นข่าวดีที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรเร่งปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการต่อกลุ่มคนที่ฉวยโอกาสและหาประโยชน์จากคนไทย เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้เลี้ยงสุกร ที่ขณะนี้เพิ่งกลับมาเลี้ยงหมูรอบใหม่ให้มีความมั่นใจ และยังเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมหมูทั้งระบบ เนื่องจากหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามามีความเสี่ยงที่จะเป็นพาหะนำโรคระบาดเข้ามาด้วย” นายสิทธิพันธ์กล่าว
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวว่า การลักลอบนำเข้าหมูจากหลายแหล่ง เช่น สหรัฐฯ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี บราซิล ทำกันเป็นขบวนการ ด้วยการสำแดงการนำเข้าเป็นเท็จ เช่น อาหารทะเล หรืออาหารสัตว์ ทำให้ไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบโรคสัตว์ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ และไม่มีเอกสารใบอนุญาตนำเข้า นอกจากนี้ หลายประเทศทางตะวันตกอนุญาตให้สามารถใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งสารนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้บริโภคคนไทย และผิดกฎหมายไทยที่ประกาศ “ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมูอย่างเด็ดขาด” มานานกว่า 20 ปี ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2545 กระทั่งมีการปรับปรุงประกาศฯ เมื่อ พ.ศ. 2559 เรื่องกำหนดวัตถุดิบที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ รวมถึงประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546
“ผู้บริโภคควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากร้านค้าที่มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำหรับสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ ว่าเป็นผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ และมีความปลอดภัยในอาหาร” นายสิทธิพันธ์กล่าวทิ้งท้าย