เชียงราย - “พ.ท.ยี่เซ-หัวหน้ามูเซอดำรัฐฉาน/อดีตลูกน้องขุนส่า” ผู้ต้องหาคดีขนยานรกเข้าไทยตัวเอ้ที่ถูกตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 2,000,000 บาท สิ้นลมแล้ว พบประวัติเคยมีเลขประจำตัว 13 หลัก-ชื่อโผล่ทะเบียนบ้านเขตสันทราย เชียงใหม่ ก่อนข้ามแดนเข้าร่วมกองทัพพม่า ครองอิทธิพลเต็มพื้นที่ตรงข้ามแม่ฟ้าหลวง-แม่สาย
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงราย แจ้งว่า พ.ท.ยี่เซ อายุ 78 ปี หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธกลุ่มมูเซอดำ รัฐฉาน เมียนมา ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลสนามแม่จัน เขต จ.เมืองสาด เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 14 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ก่อนนำศพไปที่บ้านเยปู่ซาน (โป่งน้ำร้อนเก่า) หรือที่บ้านโป่งน้ำร้อนใหม่ เขตเมืองกาน จ.เมืองสาด ตรงข้ามหมู่บ้านม้งเก้าหลัง ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ในเวลา 19.30 น.วันเดียวกัน เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้นคาดว่าเกิดจากความชราภาพและมีอาการป่วยเรื้อรังมานาน
สำหรับ พ.ท.ยี่เซ เป็นหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธที่มีอิทธิพลอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในฝั่งรัฐฉานติดกับ อ.แม่ฟ้าหลวง-อ.แม่สาย จ.เชียงราย มานานกว่า 30 ปี ในฐานะกองกำลังอาสาที่เข้าร่วมกับรัฐบาลทหารเมียนมา หลังจากก่อนหน้านั้นเคยอยู่กับกองทัพเมืองไต (Mong Tai Army : MTA) ที่มีขุนส่าหรือนายจาง ซีฟู เป็นผู้นำ เพื่อเรียกร้องเอกราชให้รัฐฉาน
กระทั่งปี 2539 ขุนส่ายอมแพ้ต่อรัฐบาลทหารเมียนมาทำให้กองกำลัง MTA สลายตัว และแยกไปเป็นกองกำลังย่อยต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือกองกำลังติดอาวุธกลุ่มมูเซอดำของ พ.ท.ยี่เซ ซึ่งเลือกใช้วิธีการเข้าร่วมกับรัฐบาลทหารเมียนมาแทนที่จะต่อสู้เหมือนกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่หรือ SSA ทำให้ถูกผนวกเข้าเป็นกองกำลังอาสาของรัฐบาลทหารเมียนมาดังกล่าว
ที่ผ่านมากองกำลังมูเซอดำ ภายใต้การนำของ พ.ท.ยี่เซ มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ชายแดนตั้งแต่เขตติดต่อกับพื้นที่ว้าภาคใต้ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ตรงข้าม จ.เชียงใหม่ ขนานชายแดนไทย-เมียนมา ไปจนถึง อ.แม่สาย นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลถึงบ้านปูนาโก่ จ.เมืองสาด
และเนื่องจากอยู่ตรงช่องว่างระหว่างชายแดนไทยกับพื้นที่สหรัฐว้า ทำให้กองกำลังของ พ.ท.ยี่เซ ถูกมองว่าเป็นกลุ่มรับจ้างขนยาเสพติดจากแหล่งผลิตในเขตว้าหรือเข้าสู่ชั้นในแถบดอยสามสูง-บ้านปูนาโก่ ไปยังชายแดนไทยด้าน อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย จนเคยปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทยหลายครั้ง
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า พ.ท.ยี่เซ ได้รับผู้ค้ายาเสพติดจากฝั่งไทยหลายคนให้หนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่อิทธิพล เพื่อคอยประสานงานระหว่างกลุ่มผู้ค้ากับผู้รับซื้ออีกด้วย ส่งผลทำให้ทางการไทยต้องการนำตัว พ.ท.ยี่เซมาดำเนินคดีและตั้งค่าหัวเอาไว้สูงถึง 2 ล้านบาท
"พ.ท.ยี่เซ" มีประวัติเคยลักลอบเข้ามาอยู่ฝั่งไทยภายใต้ชื่อ "นายชัยวัฒน์ พรสกุลไพรศาล" มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และมีชื่อปรากฏในทะเบียนบ้านเขตเทศบาลตำบลสันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แต่ต่อมาได้ข้ามกลับไปอยู่ฝั่งประเทศเมียนมาอย่าถาวรจนเสียชีวิตในที่สุด
ทั้งนี้ ช่วงที่ พ.ท.ยี่เซปกครองพื้นที่ชาวมูเซอในรัฐฉาน ได้ทำให้บางพื้นที่มีการพัฒนาอย่างเหลือเชื่อ เช่น บ้านผาขาวตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง พบว่ามีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ จนกลายเป็นเมือง
ในปี 2563 กองทหารเมียนมาจาก พัน.คร.334 ได้นำกำลังตรวจค้นที่หมู่บ้านเยปู่ซาน ก็พบกระสอบฟางไหลมาในลำห้วยจำนวน 26 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนกว่า 6,240,000 เม็ด และมียาบ้าเปียกน้ำ 1 กระสอบ คาดว่ามียาบ้าประมาณ 240,000 เม็ด ยาบ้าชนิดผงอีกจำนวน 48 กระสอบ น้ำหนักกระสอบละประมาณ 24 กิโลกรัม อาวุธปืนอาก้า ปืน .22 ปืนลูกซองเบอร์ 12 รวมทั้งหมด 5 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้คาดว่าแหล่งเงินทุนในการพัฒนาเมืองเกิดจากการรับจ้างขนยาเสพติดดังกล่าว
ภายหลังสิ้น พ.ท.ยี่เซ ไปแล้วยังมีผู้นำกลุ่มมูเซอคนอื่นๆ ที่คาดว่าจะขึ้นมามีบทบาทแทน เช่น ร.อ.จะงอย ซึ่งเคยมีอิทธิพลอยู่ที่บ้านแม่โจ๊ก ตรงข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
