บุรีรัมย์ - ประมง จ.บุรีรัมย์ ร่วมตำรวจ สภ.ห้วยราช บุกตรวจฟาร์มเลี้ยงจระเข้ หลังมีจระเข้ขนาดใหญ่ยาวกว่า 2 เมตร โผล่กลางทุ่งนาถึง 2 ครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ ครั้งแรกถูกจับตาย 2 ตัวเพราะทำร้ายกัดเจ้าของนา รอบล่าสุดจับได้ 1 ยังเหลืออีก 1 ตัว วอนเร่งจับหวั่นอันตราย จนท.ประสานชุดล่าไอ้เข้ ด้านเจ้าของฟาร์มไม่ยอมรับยันทำบ่อมิดชิด
วันนี้ (14 ก.ย.) นายสุริยันต์ วรรณวงษ์ ประมงจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ นายสุวรรณ ทองล้วน หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยราช ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้แห่งหนึ่งใน ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช ซึ่งอยู่ห่างจากทุ่งนาที่พบจระเข้โผล่อยู่ในนาของชาวนาถึง 2 ครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ โดยครั้งแรกเจอ 2 ตัวเมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย. และครั้งที่สองอีก 2 ตัวเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) แต่ไม่ทราบว่าหลุดมาจากไหนเพราะไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ
จากข้อมูลทราบว่าครั้งแรกที่พบ 2 ตัวได้ถูกจับตายเนื่องจากพยายามทำร้ายเจ้าของนา ส่วน 2 ตัวที่พบล่าสุดเมื่อวานนี้ ซึ่งทางตำรวจและกู้ภัยจับได้ 1 ตัวความยาวประมาณ 2 เมตร ทางประมงจังหวัดบุรีรัมย์ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำบุรีรัมย์แล้ว เพื่อประกาศหาเจ้าของภายใน 30 วัน แต่หากไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของหรือมาติดต่อขอรับ จะส่งไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จ.นครสวรรค์ ส่วนอีก 1 ตัวที่ยังจับไม่ได้ ก็ได้ประกาศแจ้งเตือนชาวบ้านหลีกเลี่ยงเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งได้ประสานหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดเขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อวางแผนในการจับจระเข้อีกตัว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้ดังกล่าว พบว่ามีจระเข้ที่เลี้ยงไว้ 2 บ่อ สอบถามเจ้าของบอกว่าตอนที่รับลูกพันธุ์จระเข้มาเลี้ยงได้แจ้งขึ้นทะเบียนไว้ 170 ตัว แต่ปัจจุบันเหลือประมาณ 160 ตัว ที่เหลืออ้างว่าตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนกรณีที่พบจระเข้ในทุ่งนาของชาวนานั้น ไม่ทราบว่าจะเป็นของที่ฟาร์มหรือไม่เพราะไม่สามารถตรวจนับได้ แต่ยืนยันว่าได้ทำบ่ออย่างมิดชิดโดยมีตาข่ายล้อมรอยด้วย จระเข้ไม่น่าจะหลุดออกไปได้
ด้าน นายสุวรรณ ทองล้วน หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้ พบมีการเลี้ยงจระเข้ในบ่อรวม อายุประมาณ 3 ปี โดยเจ้าของระบุว่าปกติถ้าอายุประมาณ 2 ปีก็จะจับขายแล้ว แต่ที่เหลือตกค้างเพราะด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้ตลาดส่งออกไม่ได้ จึงไม่สามารถขายจระเข้ที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มได้
ส่วนจระเข้ที่พบในทุ่งนานั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจระเข้ของฟาร์มแห่งนี้หรือหลุดมาจากที่อื่น เพราะไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ของจระเข้ได้ อย่างไรก็ตามก็ได้กำชับให้เจ้าของฟาร์มทำการปรับปรุงเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของบ่อที่เลี้ยงจระเข้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้หลุดออกได้ ซึ่งในช่วงหน้าฝนของทุกปีทางประมงจังหวัดจะมีการทำหนังสือแจ้งไปยังทุกฟาร์มอยู่แล้ว แต่หากไม่มีการปรับปรุงแก้ไขตามที่แจ้งไปก็จะมีหนังสือตักเตือนไปอีก แต่หากฟาร์มไหนปล่อยให้จระเข้หลุดไปสร้างความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประมง
ด้าน นายสงบ ทวยศิริกุล อายุ 67 ปี เจ้าของนา บอกว่า ตนเจอจระเข้โผล่ในนาข้าวถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรก 2 ตัว โดยจังหวะที่ตนลงไปในนาไม่รู้ว่ามีจระเข้อยู่ก็ถูกจระเข้กระโจนเข้ากัดที่ขาเคราะห์ดีที่ใส่รองเท้าบูตจึงมีแค่รอยเขียวช้ำ รองเท้าบูตและกางเกงขาดเท่านั้น และล่าสุดเจออีก 2 ตัวแต่กู้ภัยจับได้แค่ 1 ตัว แต่เท่าที่ดูร่องรอยแล้วคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 2 ตัว ยอมรับว่ากลัวแต่จำเป็นต้องมาตัดหญ้าและใส่ปุ๋ยต้นข้าว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับให้ได้เร็วๆ