เชียงราย/สามเหลี่ยมทองคำ - สป.จีนไฟเขียวแล้ว..เปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านเชื่อมสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน-สามเหลี่ยมทองคำ ที่เคยปิดหนีโควิดมาตั้งแต่ต้นปี 62 เอกชนลุ้นการค้าลุ่มน้ำโขงฟื้น ล่าสุดข่าวสะพัดเริ่มรับเรือเข้าออกพรุ่งนี้
กรณีทางการจีนได้ปิดท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านริมแม่น้ำโขง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน มาตั้งแต่ต้นปี 2563 หรือตั้งแต่เกิดการระบาดไวรัสโควิด-19 นั้น ล่าสุดสำนักงานท่าเรือรัฐบาลมณฑลยูนนานได้มีหนังสือถึงเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา อนุมัติให้มีการเปิดท่าเรือกวนเหล่ยเพื่อการขนส่งสินค้าได้ตามปกติแล้ว โดยมีกระแสข่าวว่าอาจจะเริ่มเปิดท่าเรือดังกล่าวได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (15 ก.ย. 65) เป็นต้นไป
หลังจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาได้ขออนุมัติเปิดท่าเรือดังกล่าว ตามประกาศกรมพาณิชยมณฑล และ 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและประเมินความพร้อมของท่าเรือเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ทางมณฑลยูนนานได้อนุมัติให้เขตปกครองตนเองสิบสองปันนาสามารถเปิดท่าเรือกวนเหล่ยเพื่อขนส่งสินค้าได้ตามปกติ โดยให้อยู่ภายใต้มาตรการด้านความปลอดภัยและยกระดับพิธีการทางศุลกากรให้มีประสิทธิภาพด้วย
นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ท่าเรือกวนเหล่ยถือว่ามีความสำคัญต่อการค้าในลุ่มน้ำโขงตอนบนมาก เพราะเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีน เบื้องต้นนี้แม้ยังไม่มีการระบุถึงวันเวลาที่จะเปิดอย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าเมื่อมีการอนุมัติคงจะมีการตรวจสอบความพร้อมก่อนเปิดในเร็วๆ นี้
ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า การค้าลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนส่วนใหญ่เป็นการค้าระหว่างไทย-จีน และเมื่อจีนปิดท่าเรือกวนเหล่ยก็ทำให้การค้าโดยตรงระหว่างไทย-จีนหยุดชะงัก ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปใช้เส้นทางอื่น เช่น ทางบกผ่านถนนอาร์สามเอ สปป.ลาว แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคด้านต้นทุนที่สูงกว่า เพราะถนนที่ผ่านภูเขาสูงชันขนส่งได้น้อยกว่าทางเรือและอื่นๆ
ดังนั้นที่ผ่านมาหอการค้า จ.เชียงรายได้เสนอปัญหาผ่านจังหวัดและรัฐบาล หาทางเจรจาหารือกับประเทศจีนให้เปิดเมืองท่ากวนเหล่ย เพราะผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19 มาแล้ว แต่ละฝ่ายต่างมีมาตรการที่เข้มงวด ซึ่งหากท่าเรือกวนเหล่ยเปิดคาดว่าท่าเรือสำคัญอื่นๆ ทั้งใน สปป.ลาว และท่าเรือสบหรวยในเมียนมาก็จะเปิดตามมา อันจะทำให้มูลค่าการค้าด้าน จ.เชียงราย เพิ่มมากขึ้นและกลับมาคึกคักแน่นอน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ สป.จีนปิดท่าเรือเมืองกวนเหล่ย ทำให้การค้าทางเรือในแม่น้ำโขงซบเซาลงทันที โดยด่านศุลกากรเชียงแสนระบุว่าในปีงบประมาณ 2563 มูลค่าการค้าได้ลดลงกว่าปี 2562 ถึง 21.42% ต่อมาในปี 2564 ได้ลดลงอีกประมาณ 19% และการค้าทางเรือในแม่น้ำโขงทำได้เพียงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือ อ.เชียงแสน กับเมืองท่าต่างๆ ของเมียนมาเท่านั้น เนื่องจากทาง สปป.ลาวก็มีการปิดท่าเรือเช่นกัน
ขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนผ่านด่านศุลกากรเชียงแสนเคยมีมูลค่ารวมปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกประมาณ 15,000-18,000 ล้านบาท โดยในปี 2564 มีมูลค่าการส่งออกมูลค่า 7,553,299,007 บาท นำเข้า 331,427,541 บาท ปี 2565 (ถึงเดือน เม.ย.) มีการส่งออกมูลค่า 3,995,033,278 บาท นำเข้า 271,374,360 บาท ปัจจุบันมีเรือบรรทุกสินค้าในแม่น้ำโขงเป็นเรือสัญชาติจีนที่มีระวางบรรทุก 300 ตันกรอส จำนวนเกือบ 100 ลำ เรือสัญชาติลาว ระวางบรรทุก 100-200 ตันกรอส ประมาณ 400 ลำ และเรือของประเทศเมียนมาอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าหากทางการจีนปิดท่าเรือกวนเหล่ยจะทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มมากขึ้น