xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มผวาไฟฟ้ารั่ว! พื้นปูนลานจอดรถที่บ้านร้อนระอุ ไอน้ำพุ่งช่วงฝนตก-กฟภ.ส่ง จนท.ตรวจยังหาสาเหตุไม่พบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - หนุ่มเชียงใหม่ผวา! โพสต์คลิปขอความช่วยเหลือหลังพบพื้นปูนลานจอดรถที่บ้านร้อนระอุและมีไอน้ำลอยขึ้นเมื่อฝนตกใส่ เบื้องต้นจ้างช่างไฟมาตรวจสอบตัวบ้านไม่พบความผิดปกติ แต่ที่จุดเกิดเหตุและเสาโรงจอดใช้เครื่องตรวจวัดเจอกระแสไฟ 115 โวลต์ เชื่อกระแสไฟฟ้ารั่ว อย่างไรก็ตาม พอ จนท.การไฟฟ้าฯ มาตรวจสอบกลับยังหาสาเหตุไม่เจอ วอนเร่งแก้ไขด่วน หวั่นเกิดอันตรายถึงชีวิต


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 65 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Tanyapol Aungboonreung" โพสต์คลิปภาพพร้อมข้อความว่า “(ช่วยแชร์หน่อย) เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นที่บ้านตอนนี้ครับ ….พื้นปูนบริเวณบ้านเกิดความร้อนขึ้นมาจนทำให้บริเวณนั้นเกิดไอน้ำขึ้นมา ติดต่อการไฟฟ้าฯ เนื่องจากสันนิษฐานว่าเป็นการลงกราวน์ของไฟฟ้า แต่ตรวจสอบก็พบว่าปกติ ไม่มีสายไฟฟ้าหรือสายอื่นๆ อยู่บริเวณใต้ดินดังกล่าว (โรงรถตรงนี้สร้างตั้งแต่ผมเด็กๆ น่าจะต้องมี 20 ปี) ลองตัด Main Breaker ของบ้านก็พบว่ายังร้อนระอุเหมือนเดิม ให้ช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบไฟบ้านบริเวณแท่งกราวน์ของบ้านก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือผมกำลังจะมีน้ำพุร้อนในบ้านครับ ตอนนี้ก็ยังร้อนอยู่ตลอดเวลา #กลางเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ผมควรทำอย่างไรตอนนี้ ….. ช่วยแชร์หน่อยเผื่อใครมีประสบการณ์ ขอความเห็นหน่อยครับ” ซึ่งหลังจากนั้นมีผู้แชร์และเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก รวมทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ อย่างไรก็ตามปรากฏว่ายังไม่ทราบสาเหตุและคำตอบที่ชัดเจน

ความคืบหน้าวันนี้ (13 ก.ย. 65) ที่บ้านเลขที่ 13 ซอย 4 ถนนคชสาร ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุตามโพสต์ดังกล่าว นายธัญพล อั้งบุญเรือง เจ้าของบ้าน และเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Tanyapol Aungboonreung" ที่โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 65 โดยบ้านอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง และเปิดบ้านแบ่งเป็นพื้นที่เช่าจอดรถให้เด็กนักเรียนนักศึกษา ทั้งนี้ตรงจุดที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถใกล้กับกำแพงบ้าน ที่ปกติครอบครัวจะเดินผ่านเพื่อนำของไหว้ไปเซ่นไหว้แม่พระธรณี ซึ่งมีรูปปั้นเล็กๆ อยู่ตรงหัวมุมรั้วบ้านตามความเชื่อของครอบครัว โดยช่วงก่อนเกิดเหตุมีฝนตกหนักมาต่อเนื่องทั้งคืนจนถึงช่วงเช้า เมื่อเดินผ่านจุดดังกล่าวที่เป็นพื้นปูนรู้สึกได้ว่ามีความร้อนพุ่งขึ้นมาจากพื้น จึงหันไปมองที่พื้นพบว่าจุดที่เป็นพื้นปูนช่วงพื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร มีไอน้ำลอยขึ้นตรงจุดที่โดนน้ำฝนกระเด็นลงไปที่พื้น เมื่อลองใช้มือสัมผัสที่พื้นพบว่ามีความร้อนประมาณ 50-60 องศา และมีความรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าช็อตที่มือเล็กน้อย


หลังจากนั้นจึงลองใช้สายยางฉีดน้ำใส่พื้นจุดดังกล่าวพบว่าน้ำแห้งหายไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากความร้อนของพื้น และกลายเป็นไอน้ำพุ่งขึ้นมาแทนเหมือนกับฉีดน้ำลงกระทะร้อนๆ จึงเริ่มเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเคยเห็นเป็นข่าวว่าลักษณะนี้อาจจะเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วและอาจจะเป็นอันตรายต่อคนในครอบครัว เบื้องต้นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่เพื่อมาตรวจสอบ โดยระหว่างรอเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ที่จะมาตรวจสอบ ด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงความปลอดภัย ทางครอบครัวจึงได้จ้างช่างไฟฟ้าเอกชนมาตรวจสอบระบบไฟฟ้าก่อนอย่างเร่งด่วน ทั้งการทดลองปิดคัตเอาต์ และตรวจสอบหาไฟฟ้ารั่วจากตัวบ้านก็ไม่พบความผิดปกติ แต่พอมาตรวจสอบที่จุดที่เกิดความร้อน และเสาเหล็กของโรงจอดรถก็พบว่ามีกระแสไฟวัดค่าได้ 115 โวลต์ และหลังจากที่เริ่มตกเป็นข่าวก็พบว่าทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ส่งเจ้าหน้าที่มาลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เบื้องต้นบอกว่ายังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ว่าเป็นไฟฟ้ารั่วหรือเกิดจากอะไรตรงจุดไหนได้ แต่ขอให้กันพื้นที่ไว้ก่อน หากฝนหยุดตกพื้นแห้งสนิทจึงจะมาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ทั้งนี้ ทางบ้านได้กันพื้นที่ไว้โดยใช้เชือกขึงและเตือนไม่ให้คนเข้า-ออกจุดดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องรอให้พื้นแห้ง เพราะข้อสันนิษฐานของครอบครัวรวมทั้งข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ก็ทำให้น่าเชื่อถือว่าเกิดจากสาเหตุของไฟรั่ว ซึ่งเมื่อช่างไฟฟ้าที่ทางครอบครัวให้มาตรวจสอบไม่พบแหล่งไฟฟ้ารั่วจากตัวบ้าน จึงสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ไฟฟ้ารั่วจากแหล่งอื่น ทั้งเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน ไฟส่องสว่างของเทศบาล หรือจากสายไฟเส้นหนึ่งเส้นใดที่อยู่นอกตัวบ้าน ที่มีการเดินสายรกรุงรังเต็มไปหมดทั้งสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร โดยบางสายถูกตัดขาดและห้อยลงมาที่พื้น ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้อยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาโดยด่วนที่สุด เนื่องจากหวั่นว่าหากปล่อยไว้อาจจะมีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้นแก่คนเสียก่อน










กำลังโหลดความคิดเห็น