ลำพูน – มูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย เดินหน้ารวบรวมข้อมูลเตรียมเปิดเวทีเสวนา 27 ก.ย.65 ที่วัดพระสิงห์ฯ เชียงใหม่ ยกทีมเยี่ยม “พ่ออุ้ยเมือง” อายุ 105 ปี ลูกศิษย์นักบุญแห่งล้านนาคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจอยู่ พบแข็งแรงดี พร้อมเล่าย้อนอดีตภาพประวัติศาสตร์ร่วมภาพถ่ายวันแรกเปิดถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ
วันนี้(10 ก.ย.65) คณะทำงานมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย นำโดยนายแสวง มาละแซม และนายสุพจน์ หอมวานิชกุล กรรมการมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย เดินทางเข้าเยี่ยม “พ่ออุ้ยเมือง”นายเมือง จินาจันทร์ อายุ 105 ปี ที่บ้านแม่ป้อก หมู่ 10 ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน ลูกศิษย์คนสุดท้ายของครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย วัดบ้านปาง ที่ยังมีชีวิตอยู่ นำเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้ โดย "พ่ออุ้ยเมือง" นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าระเบียงบ้าน ทำงานปกติด้วยการเขียนเทียนบูชา เช่นเทียนวันเกิดก็เขียนให้เช่าบูชา และที่มีผู้มาบูชามากคือผ้ายันต์ บารมี 30 ทัศของครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทย บูชาผืนละ 50-100 บาทเท่านั้น ซึ่ง “พ่ออุ้ยเมือง” ได้พูดคุยกับคณะฯอย่างเป็นกันเอง และตอบข้อซักถามเล่าเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดีด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
จากนั้น กรรมการมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้ขอให้ “พ่ออุ้ยเมือง”ถ่ายภาพกับรถโบราณที่เป็นคันเดียวกันกับที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยนั่งขึ้นไปวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เมื่อวันเปิดเส้นทางขึ้นดอยสุเทพวันแรก ซึ่งปัจจุบันรถคันดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของ "เฮียเล็ก" นายสุรศักดิ์ เหมาะประสิทธิ์ อายุ 80 ปีชาวเชียงใหม่ ที่นำมาถ่ายภาพร่วมกับ “พ่ออุ้ยเมือง” และกรรมการมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่ง “พ่ออุ้ยเมือง” ยินดีเต็มใจและเดินไปถ่ายภาพที่รถได้อย่างคล่องแคล่ว
ทั้งนี้ “พ่ออุ้ยเมือง” เล่าว่า เมื่อ 87 ปีที่แล้ว ในอดีตเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2478 ในภาพอดีตที่ถ่ายไว้นั้น พ่ออุ้ยเมืองยังเป็นสามเณรอายุประมาณราว 14-15 ปี นั่งอยู่ที่ขอบข้างรถยนต์โบราณ โดยมีภาพของครูบาเจ้าศรีวิชัย นั่งอยู่บนรถ และภาพครูบาอภิชัยขาวปี อยู่ร่วมด้วยพร้อมกับพ่อค้า นักการเมืองเชียงใหม่ ในโอกาสเปิดถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯณ บริเวณเชิงบันไดนาควัดพระธาตุดอยสุเทพฯเป็นการเปิดถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯวันแรก ขณะที่การใช้ชีวิตทุกวันนี้นั้น สายตายังมองเห็นชัดเจน เขียนยันต์ เขียนเทียนมงคลได้ทุกวัน เช่นเดียวกับหูที่ยังได้ยินชัดเจน ส่วนอาหารการกินนั้น ชอบกินลาบ และผักต้มทุกอย่าง รวมทั้งสามารถกินอาหารได้ทุกอย่างที่ลูกหลานนำมาให้ โดยไม่มีการเลือก
ด้านนายสุพจน์ หอมวานิชกุล กรรมการมูลนิธิสถาบันครูบาเจ้าศรีวิชัย เปิดเผยว่า การเข้าเยี่ยม "พ่ออุ้ยเมือง" ย้อนรอยประวัติศาสตร์ครูบาเจ้าศรีวิชัยครั้งนี้เพื่อเชื่อมประวัติศาสตร์ในอดีตกับปัจจุบันจากลูกศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ และรถโบราณทั้งสองคันที่ได้อนุรักษ์ไว้ที่วัดบ้านปาง และอีกคันที่นำมาด้วยในวันนี้ก็เพื่อขอถ่ายภาพร่วมกับอุ้ยเมืองไว้ เพื่อรวบรวมข้อมูลไปจัดเสวนาในวันที่ 27 ก.ย.2565 ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งการเสวนาดังกล่าว เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนความรู้กับทุกสาขาอาชีพ และรวบรวมภาพในอดีต พร้อมกันนั้นก็ค้นหาบุคคลในอดีตเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันดังกล่าว และต้องการเผยแพร่ในประชาชนและเยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป
ขณะที่นายเสาร์คำ จินาจันทร์ อายุ 68 ปี ลูกชายของ”พ่ออุ้ยเมือง” บอกว่า ตัวเองเป็นลูกคนที่ 4 ในจำนวน 9 คน คือ คนแรกแม่จันซูม พุทธกาล , แม่เกี๋ยนทอง ปันกอ, นางแสงทอง จินาจันทร์, นายเสาร์คำ จินาจันทร์ (เสียชีวิต), นายสุวิน จินาจันทร์, นางบัวลม จินาจันทร์ (เสียชีวิต) และนางบัวลอย คู่แฝดของบัวลม (เสียชีวิตเมื่ออายุ 7 ขวบ) นายโสภณ จินาจันทร์ (เสียชีวิตตอน 2 ขวบ) และนายอนันต์ จินาจันทร์ โดย”พ่ออุ้ยเมือง”อาศัยอยู่บ้านเพียงลำพังมาเป็นเวลา 5 ปี จะหุงข้าวกินเองเพราะชอบกินข้าวสวยร้อนๆทุกมื้อ ซึ่งอาหารที่ “พ่ออุ้ยเมือง”ชอบกินมากที่สุดคือ ลาบเนื้อ ลาบหมูดิบ ไม่ชอบกินลาบสุก นอกจากนี้ชอบกินอาหารพื้นเมืองประเภท ตำมะเขือใส่ปลาร้า,ตำมะเขือพ่วง,แกงฟักทอง เป็นต้น แต่ไม่ชอบกินอาหารรสเผ็ด.