ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตามรวบตัวได้ยกแก๊ง วัยรุ่น อ.น้ำพอง อายุแค่ 11-13 ปี เหิมตั้งแก๊งตระเวนขโมยของมีค่าในร้านสหกรณ์โรงเรียนในพื้นที่กลางดึก 2 วันติดต่อกัน พร้อมจงใจทำลายกล้องวงจรปิด ก่อนถูกฝ่ายปกครองตามจับตัวได้ยกแก๊งส่งตำรวจดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนเสียวโคกกลาง ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้รับความเดือดร้อนหลังร้านค้าสหกรณ์ถูกแก๊งวัยรุ่นเข้ามาขโมยของ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งหน้าร้านค้าสหกรณ์สามารถบันทึกภาพชายวัยรุ่น อายุประมาณ 11 -13 ปี กำลังใช้ไม้ทุบกล้องวงจรปิดจนเสียหาย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ครูนำไปเป็นหลักฐานแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรน้ำพองเพื่อเอาผิด
หลังพบว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนงัดประตูเข้ามาขโมยของภายในร้านค้าสหกรณ์โรงเรียนพบสิ่งของหายไป จำนวนมากทั้งข้าวสาร 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม นมสด ผงชูรส น้ำมันพืช ขนมและอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณกว่า 2,400 บาท เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. คืนวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ กลางดึกวันที่ 4 กันยายน 2565 ที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในตำบลหนองกุง อำเภอน้ำพอง ก็ถูกคนร้ายเข้ามางัดหน้าต่างบานเลื่อนที่ห้องพักครู รื้อค้นทรัพย์สินขโมยสิ่งของ ได้สายชาร์จโทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่สำรอง และเงินสดในลิ้นชัก 300 บาท จากนั้นตรงไปที่ด้านหลังร้านค้าสหกรณ์โรงเรียนเพื่อหลบรัศมีกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งด้านหน้าร้านค้าแล้วใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กดัดหน้าต่างดึงกระจกบานเกล็ดมุดเข้าไปขโมยสิ่งของภายในร้านค้า
สำรวจพบว่ามีถุงเท้านักเรียน หน้ากากอนามัย ปากกา แก้วน้ำ ขนม และเครื่องดื่มหายไป จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.น้ำพองเพื่อให้ติดตามตัวคนร้าย จนกระทั่งพบว่าคนร้ายเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 11-13 ปี กลุ่มเดียวกับที่เข้าไปขโมยของที่โรงเรียนอีกแห่ง
นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมามีผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ พบว่ากล้องวงจรปิดของโรงเรียนถูกทำลายและร้านค้าสหกรณ์โรงเรียนยังถูกงัดเข้าไปขโมยสิ่งของ จึงไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมเปิดดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของวัยรุ่นคนหนึ่งก่อนที่จะถูกทำลาย
จนได้เบาะแสทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน อายุ 11-13 ปี ใช้ชื่อ “แก๊งหัวโต๋” เกิดคึกคะนองตระเวนงัดร้านค้าสหกรณ์ในโรงเรียนหลายแห่ง จึงตามไปจุดรวมตัวกันพบกำลังนั่งกินขนมที่ขโมยมาอย่างสบายใจ จึงได้เชิญผู้ปกครองมาพูดคุยและแจ้งว่าเด็กในความปกครองทำผิด ซึ่งเยาวชนที่ก่อเหตุทั้งหมดรับสารภาพว่ากระทำจริงและทำมานานนับปีแล้ว จึงส่งตัวเยาวชนทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนี้จะร่วมพูดคุยหารือหลายฝ่ายทั้งผู้ปกครองเยาวชน ตำรวจ ฝ่ายปกครองได้หาทางออกอย่างจริงจังไม่ให้เยาวชนเหล่านี้กระทำผิดซ้ำอีกต่อไป