ระยอง –สุดช็อก 2 หนุ่มสาวเมืองระยองถูกคนรู้จักหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารอ้างช่วยเหลือให้มีเงินเดินบัญชีก่อนขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร สุดท้ายถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีเกือบ 900 ล้านบาท แถมมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เชื่อทำเป็นขบวนการวอนสื่อช่วยตามตัวหลังติดต่อไม่ได้
นายพิทักษ์ ศิริวงศ์ นายกสมาคมพิทักษ์ประชาราษฎร์ ได้นำ นายกุลวัฒน์ อายุ 42 ปี และ น.ส.สุรนุช อายุ 29 ปี เข้าขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนหลังถูกคนรู้จักหลอกให้เปิดบัญชีธนาคารโดยอ้างว่าจะช่วยให้มีเงินเดินบัญชี เพื่อกู้ซื้อบ้านได้ แต่สุดท้ายกลับถูกสรรพากรเรียกเก็บเงินภาษีรวมกว่า 800 ล้านบาท
โดย น.ส.สุรนุช อายุ 29 ปี เผยว่าตนเองได้รู้จักกับ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 46 ปี และ สามีซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือน ต.ค.64 ซึ่งทั้ง 2 เป็นเจ้าของบริษัทหลายแห่งใน จ.ระยอง และก่อนเกิดเหตุตนเองต้องการที่จะขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อบ้าน แต่เนื่องจากไม่มีเงินเดินบัญชี สามีของ น.ส.เอ จึงเสนอให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อช่วยให้มีเงินเดินบัญชี และด้วยความที่อยากได้บ้าน จึงตกลงเปิดบัญชีธนาคารครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2563 และได้มอบสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มให้กับ 2 สามีภรรยาดังกล่าว
“ด้วยความเชื่อใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงไม่คิดว่าจะถูกนำบัญชีไปใช้ในทางที่ผิดจึงไม่เคยสนใจขอดูความเคลื่อนไหวของบัญชีกระทั่งสามี น.ส.เอ และ น.ส.เอ เข้ามาดูแลสมุดบัญชีแทนและยังได้บอกให้เปิดบัญชีเพิ่มอีกเมื่อวันที่ 20 พ.ค.65 ที่ผ่านมา จากนั้นจึงได้รับหนังสือเตือนจากสรรพากร จ.สระแก้ว ให้ไปชำระเงินภาษีอากรคงค้างโดยระบุชื่อตัวเอง ในฐานะผู้ต้องร่วมรับผิดชอบในหนี้ของ หจก.ธานี รุ่งถาวรสตีล”
น.ส.สุรนุช ยังบอกอีกว่ารายละเอียดของหนังสือระบุว่า หจก.ธานี รุ่งถาวรสตีล ค้างค่าภาษีอากรอยู่กับสำนักงานสรรพกร จ.สระแก้ว ลงวันที่ 8 ก.พ.65 เป็นเงินจำนวน 867,958,621.33 บาท และให้ไปชำระภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ และหากพ้นกำหนดจะต้องถูกดำเนินตามมาตรา 32 แห่งประมวลรัษฎากร
“หลังจากรับหนังสือถึงกับช็อกเพราะไม่เคยรู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องกับ หจก.ดังกล่าวเลย โดยเชื่อว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการนำบัญชีธนาคารที่ไปเปิดไว้นำไปใช้เรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาก็ได้ปรึกษาทนายความพร้อมทั้งโทรศัพท์ไปชี้แจ้งกับสรรพากรและโทรศัพท์หา น.ส.เอ ซึ่งในครั้งแรกอ้างว่าจะจัดการให้แต่สุดท้ายก็เงียบหายติดต่อไม่ได้” น.ส.สุรนุช กล่าว
ด้าน นายกุลวิวัฒน์ อายุ 42 ปี บอกว่าตนเองถูก น.ส.เอ หลอกให้เปิดบัญชีธนาคารโดยอ้างว่าเพื่อให้มีเงินเดินบัญชีสำหรับกู้ซื้อบ้านแช่นกันและเมื่อได้พบกับ น.ส.สุรนุช ก็รู้ว่าถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน และเมื่อไปตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อบัญชี บจ.นวทรัพย์ รีไซเคิล แอนด์ สตีล จำกัด พบว่ามีตนเองเป็นกรรมการบริหารเพียงคนเดียวและมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท
"หลังเกิดเหตุได้รีบเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.โชคชัย เพื่อใช้เป็นหลักฐานและแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเงินดังกล่า วันนี้อยากขอให้สื่อฯ ช่วยตามหาผู้ที่มาหลอกให้เปิดบัญชีเพราะขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้ และเชื่อว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการใหญ่เพราะบัญชีธนาคารที่มีชื่อตัวเองเป็นกรรมการบริหาร มีเงินหมุนเวียนเข้าออกวันละหลายล้านบาท ตอนนี้เครียดมากเพราะไม่มีปัญญาจะหาเงินจ่ายค่าภาษีจำนวนมากและยังไม่รู้จะหาทาง อย่างไร” นายกุลวิวัฒน์ กล่าว