เชียงใหม่ - คนเชียงใหม่คึกคักใช้สิทธิวันแรกโครงการคนละครึ่งเฟส 5 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มวงเงินคนละ 200 บาท ยอมรับช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพ แต่แอบโอดครวญสินค้าพาเหรดขึ้นราคาไปล่วงหน้าแล้ว
วันนี้ (1 ก.ย. 65) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า บรรยากาศวันแรกของการให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งเฟส 5 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีการเพิ่มวงเงินให้คนละ 200 บาทต่อเดือน ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 65-31 ต.ค. 65 พบว่าตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมีประชาชนต่างพากันออกมาเลือกซื้อจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันกันอย่างคึกคัก โดยที่ร้านจงกำไร ย่านชุมชนป่าตัน-บ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านค้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการ ต้องเปิดให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรองรับลูกค้าทั้งจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่ได้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่ต่างมาเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ พบว่าสินค้าหลายอย่างจะมีการขยับราคาขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทั้งน้ำมันพืช ไข่ไก่ อาหารกระป๋อง นมข้นหวาน ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และล่าสุดเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ยี่ห้อ ที่ปรับราคาขึ้นอีกซองละ 1 บาท เป็นซองละ 7 บาท รวมทั้งปลากระป๋องที่ปรับราคาขึ้นกระป๋องละ 2-3 บาท สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่นั้น เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นิยมเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้, อาหารแห้ง, อาหารกระป๋อง และเครื่องปรุง โดยจะซื้อสินค้ากันจนเต็มวงเงินที่ได้รับเพื่อที่จะไม่ต้องออกมาซื้อหลายครั้ง และประหยัดค่าน้ำมันรถ
ส่วนนางสิริพร ชัยศร อายุ 58 ปี ชาวบ้านท่าเดื่อ ต.สันผีเสื้อ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดเผยว่า ดีใจที่ได้วงเงินเพิ่มขึ้นแม้จะเพียงแค่ 200 บาทต่อคนต่อเดือน โดยตนเองและลูกสาวอยู่บ้านเดียวกันก็ได้วงเงินเพิ่มเป็นคนละ 500 บาท และ 400 บาท วันนี้มาใช้ไปทั้งสองคน 600 กว่าบาทที่เหลือก็สำรองไว้เผื่อได้มาซื้อของจำเป็นอีก เนื่องจากตนเองก็ไม่มีรายได้ วันนี้ก็เลือกมาซื้อของใช้จำเป็น ทั้งน้ำมันพืช เครื่องปรุง สบู่ และยาสีฟัน ซึ่งพบว่าราคาสินค้าทุกอย่างมีการปรับสูงขึ้นทั้งสิ้น
ขณะที่นางพิรานันท์ เกตุหนองโพธิ์ ชาวบ้านข่วงสิงห์ ซึ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ยอมรับว่าวงเงินที่ได้มาแม้จะเพิ่มมากขึ้นแต่พบว่าสินค้าหลายประเภทรวมทั้งค่าครองชีพอื่นๆ อย่างน้ำมันรถก็ขึ้น การเพิ่มเงินดังกล่าวจึงเป็นเพียงการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพเท่านั้น แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งทำคือ อยากให้ตรวจสอบสิทธิในการได้วงเงินว่าเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ เพราะเท่าที่เคยเห็นด้วยตนเองยังพบว่าเจ้าของหอพักขนาดใหญ่ก็ยังได้บัตรคนจน จึงอยากให้ตรวจสอบสิทธิให้ดีเพื่อที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ ส่วนตัวเองกับสามีได้วงเงินรวมกัน 800 บาทวันนี้ก็จะใช้ให้หมดเพราะจะได้ไม่ต้องไปมาซื้อหลายเที่ยว โดยระหว่างเลือกซื้อสินค้าไปก็ต้องกดเครื่องคิดเลขคำนวณราคาไปด้วยจะได้ไม่เกินวงเงิน ซึ่งข้าวของส่วนใหญ่ที่ซื้อจะเป็นอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง เครื่องปรุง น้ำมัน ขนม และของใช้จำเป็น