xs
xsm
sm
md
lg

โผล่อีก! นักธุรกิจสาวเจ้าของร้านขายยาเชียงใหม่โดนตุ๋นลงทุนหุ้นต่างประเทศ สูญเงิน 206 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - สาวนักธุรกิจเจ้าของร้านขายยาเข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ให้ปากคำคดีถูกตุ๋นโอนเงินร่วมลงทุนหุ้นต่างประเทศครั้งละ 5-36 ล้านบาท ทำสูญเงินรวมทั้งสิ้น 206 ล้านบาท เผยรู้จักคุ้นเคยกับผู้ก่อเหตุและครอบครัวเป็นอย่างดี ระบุหลงเชื่อเพราะเห็นร่ำรวยใช้ชีวิตหรูหราโดยอ้างว่าได้เงินจากการลงทุนจึงตกเป็นเหยื่อ


วันนี้ (31 ส.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ นางเกษยา ศิริพฤกษชาด เจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมนางสาวอาทิตยา ศิริพันธ์ ผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ลงทุนหุ้นต่างประเทศ เข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อให้ปากคำกรณีถูก นส.กุ๊กไก่ (นามสมมติ) หลอกให้ร่วมลงทุนหุ้นต่างประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 จากนั้นตนได้รวบรวมหลักฐานมีโฉนดที่ดินทั้งหมด และสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคารมอบให้ผู้ต้องหาไป ซึ่งผู้ถูกกล่าวอ้างจะดำเนินการในเรื่องของการเสียภาษี หากได้ร่วมลงทุนค้าเงินต่างประเทศ จากนั้นก็เริ่มโอนเงินลงทุน โดยครั้งแรกเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 จำนวนเงินรวม 5 ล้าน จากนั้นโอนเงินให้ผู้ต้องหาอีกหลายครั้ง ครั้งละ 5-36 ล้านบาท รวม 17 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 206 ล้านบาท โดยผู้ต้องหารายนี้รับปากว่าจะโอนเงินจากการลงทุนหุ้นต่างประเทศครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 แต่ก็เงียบหายไปไม่ได้เงินคืนจากการลงทุนเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนผู้เสียหายมาทราบว่าถูกหลอกเมื่อต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 จากนั้นพวกตนจึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ นำไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 65 ในคดีฉ้อโกง

จากนั้นวันที่ 22 เม.ย. 65 ผู้เสียหายได้เดินทางไปหาผู้ถูกกล่าวหาที่บ้านในกรุงเทพฯ เพื่อขอสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคาร และโฉนดที่ดินทั้งหมดคืน แต่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างไม่ได้เก็บเอกสารทั้งหมดไว้ที่บ้าน อ้างว่าพนักงานบัญชีเอาไปเก็บไว้ต่างจังหวัด อีกวันจะส่งคืนให้ทั้งหมด และต่อมาวันที่ 24 เม.ย. 65 ผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางมาที่ สภ.ฝาง โดยได้โอนเงินให้ผู้เสียหายจำนวน 5 ล้านบาท จากนั้นก็ไม่ได้อะไรอีกเลย และอ้างว่าจะโอนบ้านให้ผู้เสียหาย โดยให้ไปรอที่บางกะปิ กรุงเทพฯ วันที่ 25 เม.ย. 65 แต่ไม่มาตามนัด ผู้เสียหายจึงไปตามหาที่บ้านโดยรอที่หน้าบ้านตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสาม ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้ออกจากบ้านมาพบ และก็มีปากเสียงกัน นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังได้ไปแจ้งความต่อตำรวจ อ้างผู้เสียหายบุกรุก ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และยังมีคดีกันอยู่

ทั้งนี้ ในช่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและสอบสวนคดี พบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ปลอมแปลงเอกสารจำนวน 25 ครั้ง เช่น เอกสารรายการเดินบัญชีธนาคาร และเอกสารเสียภาษีสรรพากร ที่ปลอมได้เหมือนเอกสารราชการมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงรับแจ้งดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ จำนวน 25 คดี รวมคดีฉ้อโกง 17 ครั้ง หรือ 17 คดี และในวันนี้ (31 ส.ค. 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้นัดให้ผู้กล่าวหามารับทราบในคดีฟอกเงินอีกด้วย


นางเกษยา ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับพ่อแม่และครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหามาตั้งแต่ที่ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นเด็ก จนวันหนึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ขับรถหรูเข้ามาที่ร้าน ตนจึงได้สอบถามว่า ไปทำอะไรมาจึงได้ร่ำรวย ก็ได้คำตอบว่าลงทุนหุ้นต่างประเทศ พร้อมได้ชักชวนตนร่วมลงทุนเพราะได้ผลกำไรจำนวนมาก โดยได้แสดงเอกสารต่างๆ เช่น เอกสารการโอนเงิน บัญชีรายรับ-รายจ่าย ตนจึงหลงเชื่อร่วมลงทุน โดยผู้ถูกกล่าวหายังส่งรูปภาพบุคคลมีชื่อเสียงในสังคมและน่าเชื่อถือมาให้ดูเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจและร่วมลงทุนด้วย โดยโอนเงินร่วมลงทุนดังกล่าวข้างต้น ต่อมาทราบว่าถูกหลอกจึงพยายามขอเงินคืนตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 65 เป็นต้นมา แต่ไม่สำเร็จ และเข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งจากการสืบค้นประวัติของผู้ถูกกล่าวหาในเฟซบุ๊กพบว่า มีการใช้ชีวิตหรูหรา ใช้เงินซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง, ชุดอุปกรณ์กอล์ฟราคาหลายแสนบาท รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนเงินการประกวดนางงามเวทีใหญ่มากมายด้วย จึงได้รวบรวมหลักฐานดังกล่าวส่งมอบพนักงานสอบสวนต่อไป

ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย เพราะความเสียหายเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยคดีนี้เป็นลักษณะของการหลอกลวง ฉ้อโกงประชาชน และคดีปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ซึ่งมีผู้เสียหายในคดีนี้รายเดียว เบื้องต้นเตรียมออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อหาเพิ่มในคดีฟอกเงินอีก 1 คดี รวมเป็น 3 คดี


กำลังโหลดความคิดเห็น