ชัยนาท - เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มระบายน้ำเป็น 1,700 ลบ.ม./วินาที ส่งผลพื้นที่ท้ายเขื่อนน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง ประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
วันนี้ (31 ส.ค.) นายชวลิต ฉลอม ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตอนบน ทำให้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำวัง แม่น้ำปิง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน และลำน้ำสาขาได้ทยอยไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำสอดคล้องกับสภาพน้ำฝน น้ำท่า และสภาพการเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่ และผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ
สำนักงานชลประทานที่ 12 จึงได้ทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วานนี้ (30 ส.ค.) จากอัตรา 1,649 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 1,670 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในวันนี้ (31 ส.ค.) จะทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำขึ้นจากอัตรา 1,680 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 1,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงขอให้ประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยเฝ้าระวังระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา วันนี้ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณ 1,846 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 84 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณ 1,861 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้ำระบายท้ายเขื่อน (เมื่อเวลา 06.00 น.) 1,678 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนที่ อ.เมืองชัยนาท สูงขึ้น 37 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 15.89 เมตร (รทก) น้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา น้ำสูงขึ้น 21 เซนติเมตร อยู่ที่ระดับ 13.46 เมตร (รทก) ต่ำกว่าตลิ่ง 2 เมตร 88 เซนติเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในพื้นที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างเตรียมรับสถานการณ์ โดยเริ่มมีการนำกระสอบทรายไปปิดปากท่อระบายน้ำที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนท่อเข้าท่วมชุมชนและหมู่บ้าน พร้อมเตรียมทำกระสอบทรายกั้นริมแม่น้ำ ป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ หากเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มระบายน้ำเกินกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
