กำแพงเพชร - ชาวเมืองกล้วยไข่วิจารณ์-ถามหาคนรับผิดชอบกันกระหึ่ม..ศาลาวัดคลองน้ำไหล ที่ใช้เงินบริจาคสร้างมา 4 ปียังไม่เสร็จดีทรุดตัวพังเสียหาย เผยก่อนสร้างหลายฝ่ายคัดค้านไม่เหมาะสร้างคร่อมสระน้ำ ด้านนายก อบต.แจงไม่มีผู้รับเหมาว่าจ้างชาวบ้านทั่วไปค่อยๆ สร้าง
เพจเฟซบุ๊ก “กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่” ได้โพสต์ข้อความถึงการก่อสร้างศาลาวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พร้อมภาพประกอบเป็นศาลา ซึ่งก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แล้วเกิดทรุดตัวพังถล่มลงมาเสียหายยับเยิน
ระบุว่า “คานคอนกรีตยังรับไม่ไหว นับประสาอะไรกับใจคน”..รับเรื่องร้องทุกข์จากสมาชิกกลุ่มในพื้นที่ ตำบลคลองน้ำไหล ผ่านกลุ่มกำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ว่าศาลาวัดคลองน้ำไหลเกิดทรุดตัว ทำให้คานคอนกรีตหักหวั่นอาคารศาลาจะถล่มลงมา โดยศาลาดังกล่าวเพิ่งสร้างได้ไม่นาน ขณะนี้ยังไม่มีการออกมารับผิดชอบจากผู้รับเหมา ชาวบ้านหวั่นเงินทำบุญสร้างศาลาจะสูญ
แอดมินกลุ่มกำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ได้รับเรื่องจึงประสานไปยังตัวแทนเครือข่ายกลุ่มฯ ประจำตำบลคลองน้ำไหล 01 ให้เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นความจริง และมีรายละเอียดดังนี้..
สร้างศาลาวัดไม่ได้มาตรฐาน ทรุดตัวพังเสียหายใครจะรับผิดชอบ??? วัดคลองน้ำไหลกลาง ม.2 ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร มีการก่อสร้างศาลาวัดเพื่อที่จะเอาไว้เป็นสถานที่ทำศาสนกิจของสงฆ์ และใช้ในการพิธีต่างๆ ของชาวบ้าน
เบื้องต้นทราบว่ามีการจ้างเหมาจากบุคคลภายนอกโดยนำเงินของทางวัดมาเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงสร้างเป็นคานสำเร็จรูป แต่พื้นดินด้านล่างมีลักษณะเป็นสระน้ำเก่า ซึ่งยังคงมีน้ำอยู่ภายในสระเป็นจำนวนมากเนื่องจากที่ผ่านมาฝนตกลงอย่างหนักทำให้ดินบริเวณโดยรอบศาลาที่กำลังทำการก่อสร้างเกิดสไลด์ตัว จึงทำให้ฐานเสา และคานปูนทรุดลงมาพังเสียหาย
โครงสร้างศาลาดังกล่าวมีความยาวประมาณ 64 เมตร แบ่งเป็นช่องระหว่างเสา 16 ช่วง ตัวอาคารศาลาทรุดพังเสียหาย 5 ช่วง ซึ่งชาวบ้านหลายคนคาดว่าการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน และก่อนหน้านั้นทราบว่ามีหลายฝ่ายคัดค้านการก่อสร้างศาลาหลังนี้เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับความเสียหาย และต่อมาก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ
#จะแก้ไขกันอย่างไรครับท่านผู้รับเหมาเงินวัดที่ญาติโยมทำบุญกันมาคงจะไม่สูญเปล่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นะครับ..อย่างไรแล้วออกมารับผิดชอบกันหน่อยจะเป็นเรื่องที่ดี #ชาวบ้านรอฟังเรื่องนี้อยู่..จึงขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาให้วัด และชาวบ้านด้วย
ขณะที่ชาวบ้าน และผู้ติดตามเพจเฟซบุ๊กในกลุ่มต่างๆ ของ จ.กำแพงเพชร ที่มีการแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการก่อสร้างศาลาดังกล่าวว่าได้มาตรฐานหรือไม่ มีการตอกเสาเข็มหรือทำตอม่อหรือไม่ เนื่องจากด้านล่างศาลาที่ก่อสร้างนั้นเป็นสระน้ำ และผู้รับเหมางานก่อสร้างศาลาแห่งนี้จะออกมารับผิดชอบกันอย่างไร
เพราะเงินที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นเงินที่ได้มาจากการทำบุญของญาติโยมที่มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบทุนกันมา จนหมดเงินไปแล้วกว่า 4 ล้านบาทและก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดี โดยเฉพาะภายในที่ยังขาดวัสดุอีกหลายอย่างเนื่องจากทางวัดยังขาดปัจจัย
กระทั่ง 30 ส.ค. 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดคลองน้ำไหลกลาง ม.2 ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร พบกับนายสำราญ ศรีแปงวงศ์ นายก อบต.คลองน้ำไหล อดีต ส.ส.ชื่อดังพรรคประชาธิปัตย์ และชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังจะใช้รถแบ็กโฮทำการปรับปรุงซ่อมแซมศาลาหลังดังกล่าว ซึ่งมีความยาวประมาณ 64 เมตร แบ่งเป็นช่องระหว่างเสา 16 ช่อง ตัวอาคารศาลาทรุดพังเสียหาย 5 ช่วง สภาพพังทรุดลงมา เสาและคานปูนหักลงมา ส่วนด้านล่างเป็นสระน้ำเก่ามีน้ำอยู่ด้านล่างเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นทราบว่าศาลาดังกล่าวเริ่มก่อสร้างมาเมื่อ 4 ปีที่แล้วและยังไม่แล้วเสร็จดี ก็มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่อย่างหนักติดต่อหลายวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ทำให้ดินที่อยู่โดยรอบอาคารเกิดการสไลด์ตัวจนศาลาดังกล่าวทรุดตัวลงมาพังเสียหาย คานปูน และเสาแตกจนถึงเนื้อในเหล็กเส้น
นายสำราญ ศรีแปงวงศ์ นายก อบต.คลองน้ำไหล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ศาลาดังกล่าวได้ก่อสร้างมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ด้วยเงินทำบุญของญาติโยมในพื้นที่ และได้ปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะสร้างศาลาไว้ใช้ในกิจของสงฆ์ให้เป็นที่สาธารณะร่วมกับประชาชนด้วย
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ขนาด 1 ไร่ 2 งาน แต่ไม่ได้นำดินมาถมเพราะทางวัดยังขาดปัจจัยเป็นจำนวนมาก โดยได้มีการพูดคุยและได้มีมติกับคณะกรรมการแล้วให้สร้างเสาขึ้นมาทั้งหมด 112 ต้น เพื่อเป็นฐานลงไปในสระน้ำ (สร้างคร่อมสระ) หากน้ำลดก็จะได้ใช้ประโยชน์เอาไว้จอดรถยนต์-จักรยานยนต์ต่างๆ
ต่อมาช่วงเดือน ส.ค. 65 ที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แผ่นคอนกรีตกั้นดินและน้ำพังลงจนทำให้ศาลาทรุดตัวเกิดความเสียหายอย่างที่เห็น ซึ่งวันนี้ได้ปรึกษาหารือแล้วว่าจะร่วมกันแก้ไขเบื้องต้นในจุดที่เสียหายก่อน เพราะมั่นใจว่าโครงสร้างยังแข็งแรงอยู่ ซึ่งขอให้มั่นใจว่าจะดำเนินการแก้ไขให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ซึ่งตนจะทำให้ดีที่สุด หากน้ำมาอีกก็คงต้องดูกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป