xs
xsm
sm
md
lg

"เข็นน้ำปี๊บขาย" อีกหนึ่งอาชีพเก่าแก่ที่ใกล้จะเลือนหายจาก จ.จันทบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านวิถีชีวิตของคนไทยในทุกภูมิภาค ความเจริญที่เข้ามาพร้อมเทคโนโลยีได้ทำให้อาชีพเก่าแก่หลายอาชีพต้องสูญหายไปตามกาลเวลา เนื่องเพราะความสะดวกสบายที่เข้ามาแทนที่ และความไม่นิยมสานต่ออาชีพดั้งเดิมของครอบครัวในกลุ่มคนยุคปัจจุบัน

เช่นเดียวกับอีกหนึ่งอาชีพโบราณที่อยู่คู่กับ จ.จันทบุรี มาอย่างยาวนาน จนสามารถสร้างภาพคุ้นตาให้ผู้คนในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี นั่นคือภาพของ 2 พี่น้องตระกูลเกษสุวรรณ ที่ประกอบด้วย น.ส.ประยูร และ น.ส.จุ๋มจิ๋ม วัย 59 และ 55 ปี ที่ช่วยกันเข็นรถน้ำที่บรรจุอยู่ภายในปี๊บส่งขายตามร้านค้าต่างๆ และบ้านเรือของประชาชน โดยทั้ง 2 คน ได้ยึดอาชีพเข็นรถน้ำขายมานานกว่า 46 ปี  

แต่ในวันนี้ดูเหมือนว่าอาชีพเก่าแกที่อยู่กับ จ.จันทบุรี​ กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลาจากความเจริญก้าวหน้า​ของยุคสมัยและจำนวนลูกค้าประจำที่เคยรับน้ำปี๊บที่เริ่มมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ 


น.ส.ประยูร และ น.ส.จุ๋มจิ๋ม เกษสุวรรณ กล่าวว่า ในอดีตเธอทั้ง 2 คน จะพากันออกจากบ้านแต่เช้ามืดเพื่อนำรถเข็นน้ำบาดาลจากบ่อวัดสวนมะม่วง ส่งขายให้ลูกค้าที่มีทั้งร้านกาแฟ และร้านก๋วยเตี๋ยวในตัวเมืองจันทบุรี โดยเข็นขายตั้งแต่ราคาปี๊บละ 5 สลึง และไม่ต่ำกว่า 2-3 รอบต่อวัน จนมีรายได้วันละ 400-500 บาท

และได้ปรับราคาน้ำปี๊บเรื่อยมา จนมีราคาปี๊บละ 6 บาทในปัจจุบัน แต่เนื่องจากความนิยมใช้น้ำบาดาลของร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยว​เริ่มน้อยลง จึงเหลือรอบเข็นน้ำขายเพียงวันละ 1 รอบ จนทำให้เหลือรายได้เงินเพียงวันละ 100 บาท

"เมื่อความต้องการใช้น้ำปี๊บเริ่มหายไปเรื่อยๆ จากความสะดวกสบายของการใช้น้ำประปา​ทำให้ทุกวันนี้เหลือลูกค้าไม่ถึง 10 ร้านต่อวัน อีกทั้งคนรุ่นใหม่ไม่กล้าบริโภคน้ำบาดาลเพราะกลัวว่าจะไม่สะอาด วันนี้จึงเหลือเพียงลูกค้าที่ร้านกาแฟ และร้านก๋วยเตี๋ยวที่เคยเป็นลูกค้า​เก่าเท่านั้น"

2 พี่น้องยังบอกอีกว่า อายุที่เริ่มมากขึ้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ในวันนี้อาจทำให้ต้องตัดสินใจยุติการทำอาชีพดังกล่าวจากสภาพร่างกายที่เริ่มไม่ไหว และหากต้องเลิกอาชีพไปเชื่อว่า อาชีพเข็นน้ำปี๊บขายจะกลายเป็นตำนานทันทีเพราะจากนี้คงไม่มีคนสืบทอด


ขณะที่ นางพันทิพย์ สุรการณ์ อายุ 65 ปี แม่ค้าขายกาแฟ บอกว่า ตนเองใช้น้ำปี๊บซึ่งเป็นน้ำบาดาลสำหรับต้มน้ำร้อนเพื่อชงกาแฟมานานกว่า 30 ปี เพราะน้ำบาดาลเป็นน้ำที่กรองจากโดนชั้นดินจากธรรมชาติมีรสชาติจืด เมื่อนำมาชงกาแฟจึงได้ความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในอดีตเป็นที่นิยมอย่างมาก

และคนรุ่นเก่าจะมีโอ่งไว้ใส่น้ำปี๊บโดยเฉพาะ แต่วันนี้เมื่อมีน้ำดื่มบรรจุถังที่มีวิธีกรองแบบวิทยาศาสตร์​จึงทำให้รสชาติของน้ำที่ได้เปลี่ยนไป สำหรับตนเองแล้วมีความชื่นชอบในรสชาติ​ของน้ำบาดาลมากกว่า








กำลังโหลดความคิดเห็น