สมุทรสงคราม - ชวนท่องเที่ยวชมประเพณี ตักบาตรขนมครก แห่งเดียวในประเทศไทยที่วัดแก่นจันทร์เจริญ จ.สมุทรสงคราม ในวันที่ 3 ก.ย.ที่จะถึงนี้ หลังจากงดจัดไป 2 ปี ติดต่อกันเนื่องจากการระบาดของโควิด-19
การอนุรักษ์สืบทอดประเพณีที่เก่าแก่ของท้องถิ่น นับเป็นการชี้ให้เห็นถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการทำบุญตักบาตรขนมครก ที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ต.บางพรม อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม นับเป็นประเพณีที่มีมานานเกือบ 100 ปีแล้ว และน่าจะเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือ ที่ จ.สมุทรสงคราม จังหวัดจึงได้ร่วมกับ อบต.บางพรม อบจ.สมุทรสงคราม สำนักงานวัฒนธรรม จ.สมุทรสงคราม ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม วัดแก่นจันทร์เจริญ และชาว ต.บางพรม กำหนดจัดงานทำบุญตักบาตรขนมครกขึ้นในวันที่ 3 ก.ย. หลังจากงดจัดไป 2 ปีติดต่อกัน เนื่องจากระบาดของโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันการระบาดได้คลี่คลายลงแล้ว
นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ ระบุว่า ประเพณีตักบาตรขนมครก มีที่มาจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ในธรรมบทภาคที่ 2 เรื่อง “โกสิยะเศรษฐีผู้มีความตระหนี่ถี่เหนียว” มีใจความสรุปได้ว่า พระองค์ต้องการสั่งสอนเศรษฐีคนหนึ่งที่มีนิสัยตระหนี่ถี่เหนียว แม้ฐานะทางครอบครัวจะร่ำรวยก็ตาม เช่น วันหนึ่งเศรษฐีเห็นยาจกคนหนึ่งกำลังกินขนมครกจึงอยากกินบ้าง แต่ด้วยความที่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวจึงยอมอดกลั้นความอยากกินนั้นไว้ ด้วยเกรงว่าจะสิ้นเปลืองเงินทอง แต่เมื่อภรรยาทราบว่าสามีอยากกินขนมครกจึงแอบทำขนมครกโดยไม่ให้ใครรู้เพื่อจะได้ให้สามีกินเพียงคนเดียว
ต่อมา เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงตรัสให้พระโมคคัลลานะ เดินทางไปอบรมสั่งสอนเศรษฐีผู้นี้ และภรรยาด้วยการแสดงพระธรรมของพระรัตนตรัยทั้งสาม พร้อมแสดงผลทาน ซึ่งเมื่อเศรษฐี และภรรยาได้ฟังก็มีจิตเลื่อมใสขึ้นมาทันที ตั้งแต่บัดนั้นเศรษฐี และภรรยาคู่นี้ก็เปลี่ยนนิสัยกลายเป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แต่นั้นมา
ส่วนผู้ที่ริเริ่มประเพณีทำบุญตักบาตรขนมครก ที่วัดแก่นจันทร์เจริญแห่งนี้คือพระครูสมุทรสุตกิจ หรือหลวงปู่โห้ เจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อปี 2473 หรือ 92 ปีมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ประเพณีนี้สอดคล้องกับคำสอนในธรรมบท ภาคที่ 2 ของพระพุทธเจ้า อีกทั้งสมัยก่อนชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จึงมีแต่อาหารคาวประเภทปลา และพืชผักที่พอจะหาได้ในพื้นที่ตามอัตภาพโดยไม่ต้องซื้อหา ส่วนขนมหวานจะมีแต่ขนมครก เพราะทำง่ายและยังถูกเงิน เช่น แป้งข้าวเจ้า มะพร้าว และน้ำตาลปี๊บก็มีอยู่แล้ว คงมีแต่น้ำตาลทรายใช้จิ้มเพิ่มความหวานที่ต้องซื้อ
และเมื่อหลวงปู่โห้ มรณภาพ เจ้าอาวาสรูปต่อมาก็ได้สืบทอดประเพณีนี้เรื่อยมา จนถึงพระครูวิมลสมุทรกิจ (หลวงพ่อขาว) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน โดยจัดเพียงปีละครั้งในเดือน 10 ขึ้น 8 ค่ำ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565 โดยชาวบ้านทั้งในพื้นที่และที่อยู่ใกล้เคียงจะมาออกร้านบริเวณลานวัดตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทำขนมครกขายให้ผู้ที่มาทำบุญซื้อไปถวายพระจนถึงพระฉันเพล เริ่มตั้งแต่การโม่แป้ง ผสมแป้ง หยอด และแคะขนมจากเตา
ส่วนเงินที่ได้จากการขายขนมครกจากผู้ที่ซื้อไปใส่บาตรถวายให้ทางวัดเพื่อนำไปพัฒนาวัดต่อไป ส่วนขนมครก และน้ำตาลทรายจำนวนมากที่ได้จากการทำบุญตักบาตรของชาวบ้าน ที่เหลือจากพระฉันแล้ว ส่วนหนึ่งทางวัดจะแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่มาร่วมบุญนำกลับบ้านแจกลูกหลานกิน และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปถวายวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ในงานยังมีการสาธิตและแข่งขันกินขนมครก แคะขนมครก ขูดมะพร้าวและโม่แป้ง ชิงรางวัลมากมายอีกด้วย จึงขอเชิญนักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจไปร่วมงานได้ที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ตามวันดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป