เชียงใหม่ - เปิดใจ! ศิลปินหนุ่มอังกฤษผู้สร้างความฮือฮากับผลงานศิลปะสุดทึ่ง เรียงหินและก้อนกรวดเป็นภาพเหมือน “ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. จนโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ พร้อมเผยกำลังสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่สุดยิ่งใหญ่เป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยรวบรวมหินมาจากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศ ล่าสุดคืบหน้าเกินครึ่ง ตั้งเป้าเสร็จแล้วพร้อมจัดแสดงให้ผู้คนได้ร่วมกันชื่นชม
จากกรณีที่เฟซบุ๊กชื่อ “Justin Bateman” โพสต์เผยแพร่ภาพผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากการเรียงก้อนหินและก้อนกรวดให้ออกมาเป็นภาพเหมือนใบหน้าของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างความสนใจและรู้สึกทึ่งอย่างมากให้แก่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่พบเห็นที่ต่างพากันเข้าไปแสดงความเห็นชื่นชมและแชร์โพสต์ต่อไปเป็นจำนวนมาก โดยผลงานศิลปะและบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวนั้นเป็นของ นายจัสติน เบทแมน (Justin Bateman) อายุ 46 ปี ศิลปินชาวอังกฤษ จากเมืองพอร์ตสมัท ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สร้างสรรค์ผลงานดังกล่าวขึ้น ซึ่งในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมานายจัสตินเคยเป็นข่าวโด่งดัง ทั้งในสื่อในประเทศไทยและต่างประเทศ จากการเรียงหินและก้อนกรวดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เรียกว่า Land Art ตามข้างทางหรือที่รกร้างจนเสร็จออกมาเป็นงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายชิ้น ระหว่างที่ต้องพำนักอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้เพราะการล็อกดาวน์โควิด-19 ซึ่งผลงานมีทั้งภาพเหมือนผู้คนที่พบเจอสะท้อนมุมมองความคิดและภาพเหมือนผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของศิลปินระดับโลก ทั้งนี้มีผลงานจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะใช้เรซินหล่อเก็บไว้ เนื่องจากมีความคิดและแผนที่จะหาสถานที่จัดแสดงผลงานที่รวบรวมไว้ในอนาคต
วันนี้ (20 ส.ค. 65) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ล่าสุดจากการนัดพบพูดคุยกับนายจัสติน เบทแมน เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นดังกล่าวนั้น ศิลปินชาวอังกฤษผู้นี้เปิดเผยว่า ปกติการทำงานของตัวเองจะพยายามเลือกต้นแบบจากคนที่พบเห็นแล้วรู้สึกว่าคนคนนั้นมีความพิเศษมหัศจรรย์หรือรู้สึกได้ว่ามีส่วนร่วมกับงานชิ้นนั้น ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ที่ร้องขอเข้ามาจากทั่วโลกอยู่เสมอให้ตัวเองไปทำผลงาน โดยงานชิ้นนี้ที่เป็นภาพของผู้ว่าฯ ชัชชาติ เพื่อนของตัวเองเป็นผู้แนะนำ และจากการที่ตัวเองได้ค้นคว้าหาข้อมูลแล้วพบว่าผู้ว่าฯ ชัชชาติ ถือเป็นคนคนหนึ่งที่ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชน เป็นคนซื่อตรง ทำในสิ่งที่ได้บอกไว้ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความตั้งใจและใส่ใจเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งตัวเองรู้สึกชื่นชม จึงคิดว่าเป็นงานที่ตัวเองสมควรจะทำ และจากผลตอบรับที่ได้ต้องถือว่าเป็นความคิดที่ดีที่ตัวเองได้ทำงานชิ้นนี้ โดยใช้เวลาในการวางแผนงานประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นใช้เวลาประมาณ 4 วันในการเตรียมหาแหล่งวัตถุดิบและคัดเลือกก้อนหินที่เหมาะสม พร้อมซื้อนำมาลงมือทำ ซึ่งผลงานชิ้นนี้ใช้เวลา 3 วัน แต่เป็นการทำงานตลอดทั้งวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน
สำหรับความยากของการทำงานชิ้นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับงานชิ้นอื่นๆ ที่ผ่านมานั้น นายจัสติน เบทแมน บอกว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าแต่ละงานมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง บางงานก็อาจจะง่าย บางงานก็อาจจะมีความท้าทายมาก ซึ่งงานชิ้นนี้ต้องบอกว่าท้าทาย เพราะมันชัดเจนมากว่าตัวเองจะทำภาพของผู้ว่าฯ ชัชชาติ และอีกอย่างงานชิ้นนี้เป็นการทำขึ้นมาแบบถาวรด้วย ซึ่งในการทำงานของตนจะมีเพียงแค่ 10% ของชิ้นงานเท่านั้นที่ถูกทำขึ้นมาแบบถาวร โดยตนคิดว่ามันคงคล้ายกับการทำโมเสกในยุคโรมัน ที่เราจะพบงานโมเสกในบ้านของคนที่มีฐานะ และเป็นการสร้างภาพของคนขึ้นมาเพื่อยกย่องคนเหล่านั้น พองานชิ้นนี้ทำแบบถาวร ก็เลยมีมูลค่า ดังนั้นตอนที่คุณทำงานอยู่บนพื้น มันคือความสนุกที่ได้ทำ แต่ว่าพองานขึ้นไปอยู่บนผนัง มันคือการทำงานที่คุณต้องทำให้ดี เพราะมันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่องานย้ายขึ้นไปอยู่บนผนัง
นอกจากนี้ นายจัสติน เบทแมน บอกว่า ที่ผ่านมาตัวเองทำผลงานขึ้นมาแล้วทั้งหมดประมาณ 60 ชิ้น ในที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ตัวเองได้เดินทางไป แต่ราวๆ 40 ชิ้นจากผลงานทั้งหมดเป็นงานที่ทำขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และตัวเองพักอยู่ที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่อยู่ในป่าแล้วก็ทำงานตลอดช่วงเวลานั้นเลย โดยภาพของผู้ว่าฯ ชัชชาติ เป็นหนึ่งในผลงานที่ทำในประเทศไทยและกลายเป็นที่รู้จักอย่างมาก คล้ายกับผลงานที่ตัวเองได้ทำเกี่ยวกับคนสำคัญในสถานที่อื่นๆ ของโลก อย่างเช่นที่ตุรเคีย ตัวเองเคยทำภาพมุสตาฟา อะตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก หรือที่เวียดนาม ตัวเองเคยทำภาพของ โฮจิมินห์ หรือ “ลุงโฮ” ก็มีผลตอบรับดีเช่นกัน เป็นการแสดงให้เห็นว่าคนในแต่ละสถานที่ต่างชื่นชมงานที่สื่อถึงคุณค่าของความเป็นชาติของตัวเอง
ขณะเดียวกัน ศิลปินชาวอังกฤษผู้นี้เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเองกำลังทำผลงานชิ้นสำคัญที่มีคุณค่าและใหญ่กว่าภาพของผู้ว่าฯ ชัชชาติประมาณ 3 เท่า เป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของไทย ซึ่งงานชิ้นนี้ตัวเองทำเป็นชิ้นงานถาวรด้วย เวลานี้การทำงานมีความคืบหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว และเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นผลงานที่ออกมาดีมากๆ โดยงานชิ้นนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก ต้องคัดเลือกหินที่จะนำมาใช้ทำงานอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งเป็นการนำหินมาจากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศไทย จึงอาจเรียกได้ว่าหินทุกก้อนที่นำมาใช้มีประวัติศาสตร์ของไทยอยู่ในนั้นด้วย ทั้งนี้คาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ งานชิ้นนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วตัวเองมีความตั้งใจว่าจะจัดนิทรรศการแสดงผลงานภายในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้น เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมกันชื่นชม
