กำแพงเพชร - วัดดังเมืองกล้วยไข่แจ้งความ ตร.ล่ามือโพสต์กล่าวหาไม่มีเงินห้ามเผาศพ-ฮุบของวัดใช้ส่วนตัว ยันเก็บแค่ศพละ 1,200 บาท หรือตามกำลังศรัทธา เป็นค่าน้ำค่าไฟ-บำรุงเมรุ ศพยากไร้ก็เผาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ก๊าบ ก๊าบ” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “nantapong suthiwattana” โพสต์ภาพวัดแห่งหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า..แฉพระวัดดังกำแพงเพชร ห้ามเผาศพในวัด อ้างวัดมีค่าใช้จ่าย ไล่ไปเผาที่อื่น ขณะบนภาพดังกล่าวยังมีข้อความอีกส่วนระบุว่า..ไม่มีเงินห้ามเผาศพในวัด แฉ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญพรเรียกรับเงิน ลั่น ไม่มีเงินทำศพให้ ฮุบของวัดไปใช้ส่วนตัว..
หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวลงไปในเพจกลุ่มสาธารณะ “ซื้อ ขาย จิปาถะ กำแพงเพชร” ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นและแชร์เรื่องราวดังกล่าวออกไปจำนวนมาก โดยมีทั้งตำหนิเจ้าอาวาสรูปที่ถูกกล่าวอ้าง และบางส่วนยังไม่ปักใจเชื่อเพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบพระอธิการประสิทธิ์ ฐิตะสาโร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญพร (วัดบ้านไร่ทรงธรรม) หมู่ที่ 2 ต.ทรงธรรม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องราวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลฯ ซึ่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญพรเปิดเผยว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว แต่แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรทรงธรรมเรียบร้อยแล้ว
สำหรับวัดราษฎร์เจริญพรแห่งนี้มีชาวบ้านมาใช้เมรุเผาศพผู้เสียชีวิตจำนวน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1, 2, 8, 12 กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเผาศพนั้นเป็นเงินค่าบำรุงเมรุ ซึ่งทางคณะกรรมการวัดจะมีหลักเกณฑ์การจ่ายค่าบำรุงเมรุ 1,200 บาท หรือตามกำลังศรัทธา เพื่อเป็นค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษาเมรุ แต่ที่ผ่านมาก็มีผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ยากไร้ ไม่มีกำลังทรัพย์ ทางวัดก็บริการโดยไม่ได้มีค่าใช้จ่าย
ด้านนายประสิทธิ์ ชาญเชี่ยว อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่ 2 ต.ทรงธรรม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ไวยาวัจกรวัด เปิดเผยว่า เจ้าอาวาสได้มอบหมายให้ตนทำหน้าที่ดูแลเก็บกุญแจเมรุเผาศพ ก่อนหน้านี้มีญาติของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งได้ให้เด็กมาขอกุญแจเมรุ ตนจึงได้แจ้งว่าให้ญาติคนตายที่เป็นผู้ใหญ่เข้ามาติดต่อแทน เนื่องจากการเผาศพต้องมีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการดำเนินการเป็นเงิน 1,200 บาทหรือตามกำลังศรัทธา
แต่ตนไม่ทราบว่าเด็กได้กลับไปบอกญาติที่เป็นผู้ใหญ่ว่าอย่างไร จึงทำให้เกิดความไม่พอใจและเข้ามาต่อว่าด่าทอเจ้าอาวาสภายในวัด ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด หลังจากนั้นก็มีการนำข้อความไปโพสต์ในสื่อโซเชียลจึงทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของทางวัดและตัวเจ้าอาวาสเอง สำหรับตนแล้วอยากให้ผู้ที่กระทำการดังกล่าวสำนึกผิดด้วยตนเอง คงไม่ต้องบอกอะไรมากมายและอยากให้เข้ามาขอโทษและปรับความเข้าใจกัน
ด้านนายสมจิตร ช่วงสุวรรณ อายุ 60 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่าเรื่องที่มีการโพสต์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะยังมีการเผาศพกันอยู่ คนที่นำเรื่องไม่จริงไปโพสต์ลงให้เป็นข่าวจะต้องหวังผลอะไรที่ทำให้วัดและเจ้าอาวาสเสื่อมเสีย ซึ่งก็ต้องสืบหากันดู อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีชาวบ้านและคณะกรรมการมีความเห็นไม่ตรงกัน แบ่งเป็นสองฝ่าย ซึ่งไม่อยากให้ใช้วิธีนี้มาทำร้ายกันมันทำให้วัดเสียหาย