อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ภาค 3 ร่วม ป.ป.ช.และตำรวจจังหวัดอุบลราชธานีบุกรวบ นายณฐพล (สงวนนามสกุล) นายกเทศมนตรีตำบลคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ เรียกรับเงินค่าลงนามสั่งจ่ายเงินค่าติดตั้งกล้องวงจรปิด 1.7
หมื่นบาท เจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่หลักฐานมัดตัวถูกดำเนินคดีเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดฯ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.ท.บวรศักดิ์ คำรังสี รอง ผกก.สส.สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ร่วมกับนายศานต์ชาติ ตึดสันโดษ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ป.ป.ท.ภาค 3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อุบลราชธานี เข้าจับกุมนายณฐพล (ขอสงวนนามสกุล) นายกเทศมนตรีตำบลคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ พร้อมธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 15 ฉบับ ที่ผู้เสียหายนำไปลงบันทึกประจำวันก่อนส่งมอบให้แก่นายณฐพล
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายที่ประกอบอาชีพติดตั้งกล้องวงจรปิดว่า นายณฐพล ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลแห่งนี้ ไม่ยอมลงนามสั่งจ่ายเช็คค่าติดตั้งกล้องวงจรปิด พร้อมเรียกรับเงินค่าเซ็นเช็คเป็นจำนวนเงิน 17,000 บาท จึงนำความเข้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท-.ป.ป.ช.วางแผนต่อรองขอจ่ายเหลือ 15,000 บาท และนัดแนะนำเงินมามอบให้ในช่วงบ่ายวันนี้
เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้เสียหายได้นำเงินไปมอบให้ที่ห้องทำงานนายณฐพล จากนั้นได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ที่รออยู่นอกห้องจู่โจมเข้าจับกุมนายณฐพลไว้ได้พร้อมเงินสดของกลางที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ หลังจากตรวจสอบธนบัตรที่พบอยู่ในตัวนายณฐพล ตรงกับหมายเลขที่ผู้เสียหายนำไปลงบันทึกประจำวันไว้
จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาล
ด้านผู้เสียหายเล่าถึงที่มาของการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จับกุมนายณฐพล ก็เนื่องจากเทศบาลตำบลคำน้ำแซบมีโครงการติดตั้งกล้อง cctv ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ของเทศบาลมูลค่า 83,000 บาท ผู้เสียหายได้เข้าร่วมประมูล และดำเนินการติดตั้งกล้องตามสัญญาจ้างเป็นที่เรียบร้อย จนเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมได้ขอรับเช็คของหน่วยงานไปขึ้นเงินกับธนาคาร ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เนื่องจากนายณฐพล ซึ่งเป็นนายกและเป็นผู้มีอำนาจไม่ลงนามสั่งจ่ายตามระเบียบ
ผู้เสียหายจึงได้กลับมาติดต่อทางเทศบาลฯ และได้รับแจ้งว่าหากต้องการให้ลงนามสั่งจ่ายเงินต้องจ่ายค่าเปอร์เซ็นต์ให้ 17,000 บาท จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งทางหน่วยงานปราบปรามทุจริต จะได้ไม่ไปทำกับใครอีกต่อไป