จากกรณีที่ นายสมยศ ปั้นประสงค์ หรือ “เสี่ยยศ” อายุ 55 ปี พ่อเสี่ยบี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาเลขที่ 375/2565 ในความผิด 2 ข้อหาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและอันตรายสาหัส และร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตำรวจมีพยานหลักฐานเชื่อว่า เป็นเจ้าของผับ MOUNTAIN B ตัวจริง
หลังสืบทราบว่าได้ใช้ชื่อ นายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ "เสี่ยบี" อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายดำเนินกิจการ โดยพบหลักฐาน เส้นทางการเงินรวมถึงหลักฐานพยานบุคคล ทำให้เชื่อได้ว่า “เสี่ยยศ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของธุรกิจผับดังกล่าว และต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ 19 ศพ และบาดเจ็บ 36 ราย
โดย “เสี่ยยศ” พร้อมทนายได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.พลูตาหลวง เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาและถูกคุมตัวไปค้นบ้านหรูใน อ.สัตหีบ เพื่อตรวจคนเอกสารที่อาจมีส่วนเชื่องโยงการเงิน
รวมทั้งเอกสารที่หลายคนอยากรู้ว่ามีบัญชีส่งส่วยให้ใครบ้าง ว่ากันว่างานนี้อาจมีทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และผู้คนอีกหลายสาขาอาชีพที่ต้องพากันร้อนๆ หนาวๆ กันบ้าง
และเมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (17 ส.ค.) พ.ต.ท.เดชนะ อำนาจมั่นคง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.พลูตาหลวง พร้อมด้วย ร.ต.อ.บุญส่ง ยิ่งยง รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี ยังได้คุมตัว “เสี่ยยศ” ฝ่าวงล้อมสื่อมวลชนขึ้นรถส่งผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลจังหวัดพัทยาศาลจังหวัดพัทยา MOUNTAIN B
ส่วนนายอนุชา วงศ์ศรีรัตน์ ทนายความส่วนตัวได้เตรียมหลักทรัพย์จำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ในการประกันตัว " เสี่ยยศ" แต่จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลฯ นั้น
ทั้งนี้ “เสี่ยยศ” หรือ นายสมยศ ปั้นประสงค์ เป็นที่รู้จักกันดีของคนในพื้นที่เมืองสัตหีบ ว่านอกจากจะมีอาชีพเชือดหมูและขายหมูที่ว่ากันว่ามีรายได้มากถึง 70,000 -100,000 บาทต่อวันแล้ว ยังมีทำธุรกิจสีเทาในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.สัตหีบ และ สภ.พลูตาหลวง มาอย่างยาวนานจนเป็นที่รู้จักมักคุ้นกับตำรวจในพื้นที่เป็นอย่างดี
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า “เสี่ยยศ” มีกลุ่มนายทุนจีนหนุนหลังนั้นขณะนี้ยังไม่มีใครยืนยันแน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คนในพื้นที่ต่างรู้ดีว่า “เสี่ยยศ” คือผู้กว้างขวางและผู้มีเงินตัวจริง ซ้ำในกลุ่มพี่น้อง 3 คนที่ประกอบด้วย เสี่ยหรั่ง เสี่ยรอก และเสี่ยยศ ล้วนเป็นกว้างขวางทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดียังมีกระแสข่าวเพิ่มเติมว่าจากการตรวจสอบความเชื่องโยงของเส้นทางการเงินยังพบว่า “เสี่ยยศ” มีรายได้มาจากบ่อนการพนัน และยังเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนอีกด้วย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องจับตาดูกันให้ดีว่าสุดท้ายแล้วการบุกตรวจค้นบ้านหรูใน อ.สัตหีบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ชลบุรี จะพบหลักฐาน เอกสารเชื่อมโยงกับใครบ้าง
แต่จากข้อมูลท้องถิ่นและหลักฐานรูปภาพในเฟซบุ๊กของคนกลุ่มใกล้ชิดพบว่า “เสี่ยยศ” มีนายตำรวจระดับ พ.ต.อ. ที่เคยอยู่ในพื้นที่สัตหีบ และตำรวจระดับนายดาบชุดสืบสวน ที่มีความใกล้ชิดและสนิทสนมกันมากและที่ผ่านมายังมักจะออกไปเที่ยวพักแรมตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น “ เสี่ยยศ ” ยังมีนายตำรวจและหุ้นส่วนบางรายคอยอำนวยความสะดวกในการเปิดผับดังกล่าวอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวได้เท่านั้น
