xs
xsm
sm
md
lg

"ชัยวัฒน์" เผยทำกันเป็นขบวนการ คนชั่วๆ ต้องการสกัดการเข้ารับราชการต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพชรบุรี - "ชัยวัฒน์" เผยหลังอัยการสูงสุด ลงนามสั่งฟ้องในข้อหา “ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ในคดี “บิลลี่” ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 เรื่องนี้มันเป็นขบวนการ ออกมาต่อต้านตนเองไม่ให้กลับเข้ารับราชการ เพราะถ้าได้กลับเข้าไปอีก คนชั่วๆ มันเดือดร้อนยกฝูง

จากกรณีที่มีข่าวอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าพญาเสือ และ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ในคดีการหายตัวของนายบิลลี่ หรือพอละจี รักจงเจริญ โดยเอกสารลงนามเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 แต่วันนี้ได้มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ

ล่าสุด วันนี้ (15 ส.ค.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าพญาเสือ และ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตนเองยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว ทราบจากที่สื่อมวลชนโทรศัพท์มาสอบถาม แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่หนักใจ มาถึงขั้นนี้แล้ว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนเองพูดได้ระดับหนึ่งทำไมต้องมีไทม์ไลน์ออกมาในจังหวะเดียวกันในเรื่องนี้

โดยเฉพาะที่ศาลปกครองเพชรบุรี มีคำสั่งทุเลาคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการ ซึ่งมันชัดเจนอยู่แล้ว คือเหตุการณ์แต่ละเรื่องที่มันออกมามันสอดคล้องกับเวลา มันมีการคัดค้านกัน ดักหน้า ดักหลัง ฉะนั้นการที่จะไม่ให้ตนเองออกไปต่อสู้ ซึ่งถ้าตนเองกลับไปรับราชการอีกครั้ง มันมีกลุ่มคนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตนเองปกป้องไว้เป็นทรัพย์สินของประเทศชาติ วันนี้ตนเองอยากให้มองทั้งสองมุม

มุมหนึ่ง ตนเองเข้ากระบวนการต่อสู้ที่เขาอ้างว่าไปเผาบ้านคออี้ กับพวกทั้งหก แล้ววันนี้ชัดเจนไหม เพราะบ้านทั้งหกไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ แล้วศาลเริ่มเมตตาทุเลาคำสั่งให้ตนเองกลับเข้ารับราชการ ในส่วนที่ศาลทุเลาคือหลักฐานที่นำมาอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วเรื่องยากเกินกว่าเยียวยา ซึ่งการกลับไปรับราชการไม่ทำให้ราชการ และประโยชน์สาธารณะเสียหาย เรากลับไปทำประโยชน์ให้สาธารณะด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ตนเองจะสู้ในกระบวนการยุติธรรม คดีบิลลี่จะได้จบเรื่องของงานประจำปีเสียที ถึงปีก็บิลลี่หาย อย่างโน้นอย่างนี้ จะมาดรามากันในสื่อบ้าง ในที่ต่างๆ บ้าง 

วันนี้ถ้าเข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเองเชื่อในกระบวนการยุติธรรม เคารพทั้งสามศาล ขบวนการมันชัดเจนอยู่แล้ว วันนี้รู้แม้กระทั่งว่าใครอยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ ทำอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ใครเดินเกมอย่างไร ใครเดินหมากอย่างไร ใครรับลูกอย่างไร ตนเองรู้หมดทุกอย่าง ทุกขั้นตอน

แม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐก็เกี่ยวข้อง เป้าหมายเขาคืออะไร ซึ่งตนเองอาจจะตรงไปตรงมามากเกินไป แล้วไม่เคยยอมใคร และคดีแต่ละคดีเป็นคดีใหญ่ๆ ทั้งนั้น บางทีมันไปกระทบกับผู้ที่เสียผลประโยชน์ และที่สำคัญที่สุด เรื่องที่เราคุยกันอยู่นี่ เป็นเรื่องของคดีค้ามนุษย์ คือ เอาคนจากฝั่ง ที่ไม่ใช่คนไทยมาสวมบัตร เรื่องนี้มีคนอยู่ในราชการ กับคนองค์กรหนึ่งเกี่ยวพันกันเยอะ เพราะฉะนั้น ถ้าตนเองกลับมาได้มันก็ตายทั้งฝูง

"เรื่องหลักๆ คือขบวนการค้ามนุษย์ มาฆ่าช้าง ยิงช้างเอางา มาบุกรุกป่าเพื่อปลูกยาเสพติดอย่างนี้ ทำไม่ได้อยู่แล้ว ตนเองมีหน้าที่ปกป้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เป็นเรื่องหลัก แล้วต่อจากนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนในราชการ คดีอื่นๆ ที่ไปทำไว้ เกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ตนเองไม่มีปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรม ว่ากันตามนั้น พร้อมที่จะต่อสู้ทุกศาล เชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่กับหลักฐานที่เขาสร้างขึ้นมา ตนเองสู้ได้อยู่แล้ว"

ส่วนเรื่องที่ว่า กรณีเป็นเรื่องของเอกสารหลุด เนื่องจากมีการลงนามเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น งานนี้บอกตามตรงว่า เป็นการเจตนา เอาเอกสารมาเปิดเผย มาเล่นในช่วงไทม์ไลน์ อย่างนี้ ในช่วงที่ว่าศาลทุเลาให้ตนเองกลับไปรับราชการ เอาตรงๆ คือ ถ้าตนเองกลับไปทำงาน พวกเขาเดือดร้อนแน่นอน เพราะฉะนั้น มันมีทั้งคราบของชุดที่เป็นข้าราชการ ทั้งคราบของชุดองค์กรภายนอก ถ้ารวมหัวกันได้ขนาดนี้ แล้วทำได้ขนาดนี้ ตนเองต้องสู้จนถึงที่สุด และเชื่อว่าเอกสารฉบับนี้มันคงไม่ได้หลุดหรอกนะ แต่เป็นการจงใจเอาออกมาแฉให้เต็มที่ เพราะต้องการที่จะเผยแพร่ออกไป ทำลายชื่อเสียงตนเองมากกว่า



กำลังโหลดความคิดเห็น