คนขับรถบัสอ้างมองไม่เห็น จยย.นักศึกษาแพทย์ มข.จนเกิดอุบัติเหตุสยอง!!

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - คนขับบัสคณะพยาบาลเฉี่ยวนักศึกษาแพทย์ มข.เผยจังหวะเลี้ยวรถมองไม่เห็นจักรยานยนต์ที่สองนักศึกษาขับขี่มาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุสยอง ด้านนักศึกษา มข.แนะให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจรบริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์


วันนี้ (11 ส.ค.) พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขก.และโฆษก ภ.จว.ขก. เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดอุบัติเหตุรถบัสเฉี่ยวชนจักรยานยนต์นักศึกษาเมื่อเช้าวานนี้ ทางตำรวจได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทางคดีทั้งหมด ทั้งกล้องวงจรปิด พยานที่เห็นเหตุการณ์ สภาพถนนในจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบว่าสภาพถนนมีจุดเสี่ยงไม่ปลอดภัยอย่างไรบ้าง เบื้องต้นพบว่าคนใช้รถใช้ถนนเส้นทางนี้มีคับคั่ง

จากการตรวจสอบพบว่าถ้าเป็นความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ เมื่อมาถึงทางร่วมทางแยกต้องหยุดชะลอรถ แต่หากไม่หยุดรถไม่ชะลอความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคนขับรถยนต์ภายหลังจากตำรวจควบคุมตัวมาสอบปากคำ ได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย ซึ่งทางตำรวจเองจะตั้งกรวยให้มีเส้นที่ชัดเจน เพื่อแบ่งแยกเลนเลี้ยว เลนตรงให้ชัดเจน พร้อมเพิ่มป้ายเตือนต่างๆ ให้ผู้ขับขี่ระมัดระวัง ขับขี่ปลอดภัยตามกฎจราจร

ส่วนทางคดีนั้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นได้สอบปากคำคนขับรถบัส คือนายสุรศักดิ์ สีหาวัตร อายุ 36 ปี ชาว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ให้การว่าช่วงก่อนเกิดเหตุตนขับรถไปส่งนักศึกษาฝึกงาน และกำลังจะเอารถขับไปเก็บไว้ที่คณะพยาบาล พอถึงจุดเกิดเหตุตนได้เลี้ยวขวา ขณะที่เลี้ยวนั้นมองไม่เห็น และไม่รู้ตัวว่ารถไปเฉี่ยวรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น




พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเสียชีวิต พร้อมคัดค้านการประกันตัว และส่งตัวไปตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย โดยอยู่ระหว่างรอผลจากแพทย์ที่โรงพยาบาล ก่อนจะควบคุมตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่นดำเนินคดีตามกฎหมาย และในส่วนสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายที่จะเยียวยาผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือตามสิทธิต่อไป

ขณะที่นายธนสิทธิ์ นิสยันต์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ปี 4 ม.ขอนแก่น เปิดเผยว่าจริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีถนนที่ยังมีจุดยังไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ค่อนข้างเยอะ จากการที่ตนเองสำรวจพื้นที่ในมหาวิทยาลัย พบว่าหลายพื้นที่ในมหาวิทยาลัยไม่มีสัญญาณไฟจราจร หรือมีไฟสัญญาณจราจรที่ใช้การไม่ได้ ซึ่งเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุ




บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีรถสัญจรหนาแน่นช่วงเช้า ช่วงเที่ยง และช่วงเย็น เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาต้องไปเรียนหรือบุคลากรผ่านไปผ่านมาเพื่อไปทำงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมหาวิทยาลัยจัดเตรียมเพียงแค่เจ้าหน้าที่จราจรอำนวยความสะดวกเดินรถเท่านั้น บางกรณีเห็นว่าควรมีไฟจราจร หรือจัดการเรื่องท้องถนนให้ครอบคลุมมากกว่านี้ อยากให้มหาวิทยาลัยมีมาตรการด้านจราจรที่เข้มงวดกว่านี้ และทำสัญญาณไฟจราจรที่ชัดเจน เพื่อลดอุบัติเหตุและให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรได้อย่างปลอดภัย