เชียงราย - หนุ่มพะเยาบึ่งกระบะกลับจากเชียงราย..รถเสียหลักพุ่งชนหญิงสาวจอดเก๋งซื้อผลไม้ข้างทางร่างกระเด็น ก่อนพุ่งชนร้านค้าริมถนน-รถมอเตอร์ไซค์ พังวินาศสันตะโร คนเสียชีวิตคาที่ 2 เจ็บอีก 2 ตร.จับตรวจเจอแอลกอฮอล์ด้วย
วันนี้ (7 ส.ค. 65) พ.ต.ท.อธิวัฒน์ อินนันท์ชัย สว.(สอบสวน) สภ.แม่ลาว จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนร้านค้ารวมทั้งรถราที่จอดข้างทาง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย บริเวณริมถนนพหลโยธินพื้นที่หมู่ 8 ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาว จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนทางตรง 4 ช่องจราจรขาล่องจะไปทาง จ.พะเยา พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน บน 6387 พะเยา สภาพเสียหลักพุ่งเข้าชนรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน กน 7449 เชียงราย ที่จอดอยู่ริมถนน และชนร้านค้าผลไม้ข้างทาง จนทำให้ร้านค้าพังเสียหายผลไม้หล่นกระจัดกระจาย รวมทั้งพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน และต้นไม้ที่อยู่ข้างทางก็ถูกชนจนหักโค่น
นอกจากนี้ยังพบร่างของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย คือ นางอารีย์ ใจดี อายุ 62 ปี และ น.ส.จตุพร พูลเกต ไม่ทราบอายุ ชาว อ.เมืองเชียงราย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน จึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยและรถพยาบาลรีบนำส่งโรงพยาบาลแม่ลาวอย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามนายวินัย อายุ 42 ปี ชาว ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา คนขับรถกระบะคันเกิดเหตุ ให้การเบื้องต้นว่าขับรถจาก อ.เมืองเชียงราย จะกลับบ้านที่ จ.พะเยา แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้มีรถตัดหน้า จึงหักรถหลบจนทำให้รถเสียหลักพุ่งออกนอกถนนชนรถที่จอดข้างทางและร้านค้าผลไม้ดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร ที่จอดรถเก๋งไว้ข้างทางแล้วเดินลงไปซื้อผลไม้ ก่อนเดินถือของกลับไปที่ท้ายรถยนต์เก๋งของตัวเอง ก่อนที่รถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ ซึ่งขับมาด้วยความเร็วอยู่ในช่องทางด้านขวา จะเสียหลักพุ่งออกนอกถนนชนเข้าร่าง น.ส.จตุพร จนกระเด็นติดรถเสียชีวิต และรถยนต์กระบะยังพุ่งไปชนร้านผลไม้จนทำให้นางอารีย์ คนขายผลไม้ข้างทาง เสียชีวิตรวม 2 ราย นอกจากนี้ยังทำให้คนที่อยู่บริเวณร้านค้าได้รับบาดเจ็บและสิ่งของต่างๆ เสียหายจำนวนมาก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวินัย (คนขับรถกระบะ) ไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งไม่พบสารเสพติด แต่พบมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐานต่างๆ รวมทั้งสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริงและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป