บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ รวบโจรแม่ลูกสามตระเวนฉกทรัพย์คนชราอยู่บ้านคนเดียว ทำทีพูดคุยตีสนิทให้เผลอก่อนฉกเงินหนี แม่เฒ่าวัย 90 ก็ไม่เว้น อ้างปลูกผักขายไม่พอส่งลูกเรียนจึงก่อเหตุ แต่ ตร.ไม่เชื่อพบมีหมายจับหลายจังหวัดเกือบ 10 คดี ทั้งเคยติดคุกมาแล้วแต่ยังก่อเหตุซ้ำ คนชราตกเป็นเหยื่อแห่ชี้ตัว
วันนี้ (6 ส.ค.) พ.ต.ท.ประภาส พวงศรี รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ภ.นาโพธิ์ ได้ติดตามจับกุมตัว น.ส.จรัสศรี เสนาภักดิ์ อายุ 40 ปี ชาว อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.บุรีรัมย์ คดีลักทรัพย์ในเคหสถาน ได้ที่บริเวณถนนบ้านหนองหว้า ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะหลบหนี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค. และ 1 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา ผู้สูงอายุหลายรายในพื้นที่ อ.นาโพธิ์ได้ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่ามีคนร้ายเป็นหญิงอายุประมาณ 35-40 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์สีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ผู้สูงอายุในหมู่บ้าน โดยพฤติการณ์จะทำทีตีสนิทหลอกให้เหยื่อเผลอก่อนจะฉกเอาเงิน บัตรเอทีเอ็ม และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผู้สูงอายุซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือตามจุดต่างๆ แล้วรีบขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี
หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกสืบสวนหาข้อมูลเบาะแส ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายขี่รถผ่าน รวมถึงตู้เอทีเอ็มที่คนร้ายใช้บัตรของเหยื่อไปกดถอนเงิน กระทั่งพบรูปพรรณคนร้ายและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ขณะที่พนักงานสอบสวนก็ได้ยื่นขออนุมัติศาลออกหมายจับโจรสาวแสบรายดังกล่าว พร้อมติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นผู้หญิงที่รูปพรรณคล้ายกับคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ผู้สูงอายุ ขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนอยู่แถวตลาดในเขตเทศบาลตำบลนาโพธิ์ คาดว่าน่าจะวนเวียนหาเหยื่ออีกเพราะย่ามใจที่ได้เงินจากผู้สูงอายุไปหลายราย แต่พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นและมั่นใจว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ก่อเหตุก่อนหน้านี้ที่ถูกออกหมายจับจึงได้วิทยุให้สกัดจับแต่คนร้ายพยายามขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามขี่ติดตามไปไกลกว่า 10 กม.จึงสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้พร้อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.นาโพธิ์
ทันทีที่นำตัวมาถึงโรงพักผู้ต้องหาเห็นเหยื่อที่ตนเองก่อเหตุลักทรัพย์ก็เข้าไปก้มกราบขอโทษอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ ขณะที่ยายโหน เศษมาก อายุ 69 ปี หนึ่งผู้เสียหายได้ใช้มือจับศีรษะผู้ต้องหาแล้วพูดสั่งสอนว่าอย่าทำแบบนี้อีก ให้สงสารคนแก่บ้าง เพราะเงินแต่ละบาทที่ลูกหลานหามาก็ยากลำบากและยายต้องเก็บไว้ใช้จ่ายและซื้อกิน โดยยายบอกว่าถูกฉกเอาเงินไป 5,100 บาท เป็นเงินสด 1,100 บาท แล้วคนร้ายเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดอีก 4,000 บาท ทั้งยังเอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของยายไปด้วย ก็ดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก
ด้านยายไสว แก้วไธสง อายุ 90 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ปกติจะอยู่กับลูกสาวคนเล็ก วันเกิดเหตุหลังจากลูกสาวออกไปทำงานตนก็นั่งเล่นอยู่ที่บ้านคนเดียว แล้วคนร้ายขับขี่รถ จยย.เข้ามาจอดหน้าบ้าน เหมือนกับรอจังหวะให้ลูกออกไปแล้วก็เข้ามา จากนั้นมาพูดคุยตีสนิทแล้วจู่ๆ ก็ล้วงเอาเงินในกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าของตนเองซึ่งมีเงินสดอยู่ 13,000 บาท แล้วรีบขี่รถหนีไป ตนพยายามตะโกนให้คนช่วยแต่ไม่มีใครได้ยิน กระทั่งลูกกลับมาจึงเล่าให้ลูกฟัง แล้วมาแจ้งความ
จากการสอบปากคำ น.ส.จรัสศรี ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ผู้สูงอายุในท้องที่ อ.นาโพธิ์ 3 ราย ท้องที่ จ.ศรีสะเกษ 1 ราย ได้เงินหลักพันถึงหลักหมื่นบาท หลังก่อเหตุเสร็จก็จะขี่รถไปเรื่อยแวะนอนตามรีสอร์ต อ้างว่ามีอาชีพปลูกผักขายแต่รายได้ไม่พอใช้จ่ายและส่งลูกเรียนถึง 3 คน จึงได้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์เงินผู้สูงอายุโดยจะเลือกเหยื่อที่อยู่บ้านคนเดียว ก็จะทำทีเข้าไปพูดคุยตีสนิทพอเหยื่อเผลอก็จะฉกเอาเงินแล้วขี่รถหลบหนี อ้างว่าเงินที่ได้จะส่งให้ลูกที่เรียน และบอกว่าสำนึกผิดถ้าติดคุกออกมาจะไม่ทำอีก
แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเพราะจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหามีหมายจับคดีลักทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์ เกือบ 10 หมาย เช่น สภ.เมืองอุบลราชธานี สภ.เมืองยโสธร สภ.กันทรารมย์ สภ.เมืองร้อยเอ็ด สภ.ร่องคำ สภ.หนองแววดาว และล่าสุดมีหมายจับ สภ.นาโพธิ์ ทั้งยังเคยถูกจับดำเนินคดี ถูกคุมขังที่เรือนจำหลายครั้ง แต่พ้นโทษออกมาก็ไม่สำนึกยังมาก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวซ้ำอีก เบื้องต้นได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน” ซึ่งหากใครที่ตกเป็นเหยื่อก็สามารถมาแจ้งความและชี้ตัวเพิ่มเติมได้ที่ สภ.นาโพธิ์
