ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผช.ผบ.ตร. สั่งตั้งกรรมการสอบตำรวจพื้นที่หลังมีกระแสข่าวปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบต่อเติมสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จนนำสู่โศกนาฏกรรมใหญ่เมืองสัตหีบ ชี้พบมีเอี่ยวเจอเอาผิดทางวินัย เช่นเดียวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงประตูหนีไฟถูกปิดล็อกทั้ง 2 ด้าน
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับดังเมืองสัตหีบ “เมาท์เทนบี” ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ท่ามกลางนักท่องเที่ยวกว่า 100 ชีวิตที่กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน จนเป็นเหตุให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกถึง 13 ราย และเสียชีวิตเพิ่มที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากเกือบ 40 ราย และส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านได้แล้ว
ขณะที่ต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณหลังคาก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปตัวอาคาร เนื่องจากหลังคามีการฉีดพ่นโฟมสำหรับซับเสียงซึ่งเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย ประกอบกับช่องระบายอากาศ และทางออกด้านหน้าเปิดเพียงบานเดียว โดยทางผับอ้างว่าเป็นการดำเนินตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่จะต้องคัดกรองนักเที่ยวตามแนวทางป้องกันระบาดโรคโควิด-19
จนส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถหนีออกมาได้ทันหลังมีกลุ่มควันไฟเกิดขึ้นอย่างรุนแรง โดยเมาท์เทน บี ผับ มีนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ อายุ 27 ปี รับเป็นเจ้าของนั้น
บ่ายวันนี้ (5 ส.ค.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. และนายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันเพื่อสรุปหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ก่อนเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ห้องประชุม อบต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการบูรณาการร่วมกับจังหวัดชลบุรี เทศบาล อบต.พลูตาหลวง จัดตั้งศูนย์อำนวยการในพื้นที่ อบต.พลูตาหลวง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ส่วนประเด็นที่สถานบริการแห่งนี้มีการขออนุญาตในลักษณะเป็นร้านอาหาร แต่กลับมีการแอบลักลอบต่อเติมเป็นสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังมีกระแสข่าวลือสะพัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มีเอี่ยว หรือปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเปิดเป็นสถานบันเทิงนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงจะดำเนินการเอาผิดทางวินัยทันที
“ส่วนเรื่องการขออนุญาตดำเนินการผิดประเภทนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตรวจสอบร่วมกัน เช่นเดียวกับกรณีที่มีการแจ้งว่าประตูหนีไฟทั้ง 2 บานได้ถูกปิดล็อกจนเหลือทางออกเพียงด้านเดียว จนเป็นที่มาของเหตุสลดดังกล่าว”
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ยังเผยถึงแนวทางการสอบสวนว่าขณะนี้ได้เรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์เข้าสอบปากคำแล้วจำนวน 30 คน รวมถึงเจ้าของสถานบริการที่จะต้องเรียกสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง โดย ผบ.ตร.ยังได้สั่งการนำทีมพิสูจน์หลักฐานจากส่วนกลางเข้าร่วมสืบหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริง ร่วมกับทีมพิสูจน์หลักฐานภาค 2 ด้วย