เชียงราย - คืบหน้า..ปฏิบัติการกู้โบอิ้งนกแอร์ไถลตกรันเวย์สนามบินเชียงราย ล่าสุดสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกหัวเครื่องขึ้นได้แล้ว ขณะที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวโวยหลังวิกฤตตั๋วบินไปกรุงเทพฯ พุ่งเป็นหมื่นกว่าครั้งแรกในชีวิต
วันนี้ (2 ส.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเคลื่อนย้ายเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD-108 ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือรันเวย์ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา จนขวางทางวิ่ง และ ทชร.ต้องประกาศปิดทำการบินตั้งแต่วันที่ 1-3 ส.ค.นี้นั้น
ล่าสุดสายการบินนกแอร์โดยการสนับสนุนของ Aircraft Recovery Team ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ใช้เสื่อกู้อากาศยาน รวมทั้งแผ่นเหล็กรองรับน้ำหนักเครื่องบิน รวมทั้งใส่เบาะลมใต้ จนสามารถยกส่วนหัวของเครื่องที่จมดินเนื่องจากล้อหัก ขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกับตัวเครื่องแล้ว ขณะที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ได้ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออก ทำให้ ทชร.คาดหวังว่าจะสามารถนำเครื่องบินออกจากรันเวย์ได้ภายในวันนี้และจะได้เปิดทำการบินได้ก่อนกำหนด 1 วัน
ด้านนายประธาน อินทรีย์ยงค์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย เปิดเผยว่า เนื่องจากช่วงเกิดเหตุต่อเนื่องมาจากช่วงวันหยุดยาวปลายสัปดาห์ แม้จะไม่กระทบการท่องเที่ยวในภาพรวม แต่กระทบกลุ่มผู้เดินทางออกจาก จ.เชียงราย ในวันดังกล่าว เพราะหลายคนมาเที่ยวเชียงรายช่วงวันหยุดยาว เมื่อถึงวันสุดท้ายก็ต้องรีบเดินทางกลับเพื่อจะไปทำงานในวันจันทร์ โดยบางคนเป็นข้าราชการ แพทย์ นักธุรกิจ ฯลฯ ที่มีหน้าที่สำคัญไม่สามารถรอการเปลี่ยนเครื่องตามมาตรการปกติได้จึงต้องรีบเดินทางไปเองตั้งแต่คืนนั้น
หลังเหตุการณ์ทางสายการบินและ ทชร.ได้แก้ไขปัญหาไปแล้วส่วนหนึ่งแต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงคนกลุ่มนี้ที่ต้องรีบเดินทางกลับ ซึ่งพบข้อสังเกตว่าราคาตั๋วโดยสารคืนเกิดเหตุจนถึง 2 วันถัดมา ณ สนามบินในจังหวัดใกล้เคียงกับ จ.เชียงราย ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นตั้งแต่ 7,000-14,000 บาท
“เรื่องนี้ผมเห็นว่าควรนำมาพิจารณากัน เพราะเป็นราคาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนทั้งชีวิต เนื่องจากผมทราบดีว่าปกติราคาตั๋วเครื่องบินจากเชียงราย-เชียงใหม่ ไปลงดอนเมือง จะอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 บาทเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นๆ ผมเห็นด้วยตามที่ทางผู้บริหาร ทชร.แถลงเรื่องการให้ความสำคัญอันดับหนึ่งคือความปลอดภัยของผู้โดยสาร ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกับสายการบิน ต่อมาก็เป็นเรื่องมาตรการตามแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน”
