เชียงราย - หลายหน่วยงานทั้ง ทชร. สนามบินพิษณุโลก กองบิน 41 ปตท. ทหาร ฯลฯ ระดมทั้งเสื่อกู้อากาศยาน เบาะลม รถเครน ช่วยกู้โบอิ้งนกแอร์ออกจากรันเวย์ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย คาดมีข่าวดีเย็นนี้ พรุ่งนี้ (3 ส.ค.) อาจเปิดบินได้
วันนี้ (2 ส.ค. 65) น.ต.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ได้แถลงความคืบหน้ากรณีเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD-108 ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ตั้งแต่คืนวันที่ 30 ก.ค.ว่า ตั้งแต่วานนี้ (1 ส.ค.) คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน (กสอ.) ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุภายใน ทชร.จนแล้วเสร็จ และอนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายอากาศยานดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่เวลา 18.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง ทชร.ได้แจ้งให้สายการบินนกแอร์โดยการสนับสนุนของ Aircraft Recovery Team ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายอากาศยานออกจากรันเวย์แล้ว
น.ต.สมชนกกล่าวว่า แผนการเคลื่อนย้ายคือ ทชร.ได้สร้างถนนชั่วคราวเพื่อใช้รองรับการลากเครื่องบินออกมา โดยใช้หินคลุกบดอัดและใช้เสื่อกู้อากาศยาน รวมทั้งแผ่นเหล็กรองรับน้ำหนักของอากาศยานที่หนักราว 41 ตัน จากนั้นบริษัท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) จำกัด (มหาชน) จะถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากอากาศยาน ก่อนที่ทาง Aircraft Recovery Team จะใส่เบาะลมวางใต้หัวเครื่องบินแล้วอัดลมเข้าไปเพื่อยกขึ้น
ทั้งนี้ การจะเคลื่อนย้ายออกก็ได้รับการสนับสนุนเสื่อกู้อากาศยานและเจ้าหน้าที่จากท่าอากาศยานพิษณุโลก แผ่นเหล็กกู้อากาศยานจากกองบิน 41 กองทัพอากาศ กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 37 จำนวน 2 ผลัด ผลัดละ 30 นาย รถเทรลเลอร์จากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ฯลฯ
ส่วนความเสียหายของท่าอากาศยานนั้น พบว่ามีไฟรันเวย์แตกเสียหาย 2 ดวง ป้าย 1 ป้าย ท่อสายระบบไฟฟ้าเสียหายจำนวนหนึ่ง การซ่อมแซมจะดำเนินการคู่ขนานไปกับการเคลื่อนย้ายอากาศยานดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอย่างหนัก ตลอดทั้งกลางวัน-กลางคืนวันที่ 2 ส.ค.นี้ โดยคาดหวังว่าจะเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากรันเวย์จนทำให้สามารถเปิดทำการบินได้ในวันที่ 3 ส.ค. หรือก่อนแผนที่กำหนดเอาไว้ 1 วันด้วย
“หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงช่วงเย็นวันที่ 2 ส.ค.นี้น่าจะได้ทราบข่าวดีและสามารถนำเครื่องบินออกจากรันเวย์และทำการบินได้ภายใต้ความปลอดภัยควบคู่ไปกับการซ่อมคู่ขนานแน่นอน”
น.ต.สมชนกกล่าวอีกว่า เรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ได้ตีความเป็นเม็ดเงิน หากคิดกันเร็วๆ แล้วที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีเที่ยวบินวันละ 36 เที่ยวบิน ซึ่งมีเครื่องโบอิ้งจำนวนมาก แต่ละเครื่องรองรับผู้โดยสารประมาณ 180 คน หากเราเอาจำนวนเหล่านี้มาคูณกันแล้วคูณด้วยระยะเวลา 3 วันที่ปิดทำการก็จะเป็นค่าเสียหายดังกล่าว
แต่ท่าอากาศยานมุ่งไปที่เรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินก่อน ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีผู้ได้รับอันตราย และในฐานะที่ตนเคยเป็นนักบิน ก็ให้เครดิตแก่นักบินของเครื่องบินลำนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำงานกันทั้งคืนเพื่อหวังให้เปิดทำการบินได้ก่อนกำหนดเวลา 1 วัน
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุดังกล่าวทาง ทชร.ได้ประกาศปิดการบินเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันที่ 1 ส.ค.จนถึงเวลา 22.00 น.วันที่ 3 ส.ค. หรือเป็นเวลา 3 วัน ทั้งนี้พบว่าจากสถานการณ์นี้ทำให้เครื่องบินของหลายสายการบินต้องติดค้างอยู่ในลานจอดหลายลำ ขณะที่ ทชร.ร่วมกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายจัดรถรับส่งผู้โดยสารที่ตกค้างและไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยจัดรถเชื่อมไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารด้วยการยกเลิกการเก็บค่าบริการจอดรถในช่วงนี้อีกด้วย