เชียงใหม่ - ชาวสวนลำไย เชียงใหม่ แทบกระอักเลือด..หลังราคาตกต่ำต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดู สวนทางค่าจ้างเก็บ-ราคาปุ๋ย บางรายจำใจปล่อยเน่า-รากงอกคาต้น บางรายต้องขายให้พ่อค้าโค่นทำฟืนส่งโรงอบลำไยยกสวน
ขณะนี้ชาวสวนลำไยหลายจังหวัดภาคเหนือ ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ที่ถือเป็นแหล่งผลิตใหญ่ กำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ สวนทางกับค่าจ้างคนขึ้นเก็บลำไย ที่สูงถึงวันละ 500 บาท ขณะที่ต้นทุนค่าปุ๋ยขยับขึ้นกว่า 1-2 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ทำให้ขายผลผลิตแล้วแทบไม่เหลือเงินเก็บ จนบางรายตัดสินใจขายทั้งต้นให้พ่อค้าตัดส่งโรงอบลำไยทำฟืนแทน
นายธนโชติ ไชยมาตร์ เกษตรกรชาวสวนลำไย บ้านแคว ต.ท่ากว้าง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สวนลำไยที่ปลูกไว้กว่า 6 ไร่ รวมทั้งหมดกว่า 200 ต้น ซึ่งผลผลิตลำไยมีขนาดใหญ่ แต่บางส่วนกำลังเน่าเสีย และเริ่มออกรากขึ้นหัว หลังจากปีนี้ตัดสินใจไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต ปล่อยลำไยทิ้งไว้ตามยถากรรม
เนื่องจากราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดู ล่าสุดเมื่อวานนี้ (31 ก.ค. 65) ลำไยร่วงเกรด AA ราคาลดลงเหลือกิโลกรัมละ 11 บาท เกรด A เหลือกิโลฯ ละ 4 บาท ส่วน B กิโลฯ ละ 2 บาท ขณะที่เกรด C ล้งลำไยไม่รับซื้อตั้งแต่ต้นฤดู
นายธนโชติเปิดเผยว่า ทำต้นลำไยทั้งหมดมีอายุเฉลี่ยประมาณ 40 ปี ปลูกตั้งแต่รุ่นคุณตา โดยตนเข้ามาทำต่อประมาณ 20 กว่าปี ซึ่งปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าปลายฤดูราคาลำไยจะตกต่ำเฉลี่ยแล้วพอๆ กับปีนี้ แต่ว่าต้นทุนในการผลิตไม่สูงเท่าปีนี้ ยังเก็บลำไยขายตั้งแต่ช่วงต้นฤดูทำให้พอได้เงินบ้าง
แต่มาปีนี้ถึงแม้ว่าขนาดผลลำไยค่อนข้างจะลูกใหญ่ แต่ราคากลับตกต่ำตั้งแต่ต้นฤดู เมื่อคำนวณค่าแรง ที่ต้องใช้คนงานขึ้นลำไยถึง 2 คน ค่าแรงคนละ 500 บาท และคนงานคัดแยกลำไยอีก 3 คน ค่าจ้างคนละ 300 บาท กับราคาลำไยที่ล้งประกาศรับซื้อแล้ว ตนจึงจำใจต้องปล่อยลำไยไว้คาต้น จนบางส่วนเน่าและเริ่มออกรากขึ้นหัว
“ถ้าดึงดันเก็บลำไยขาย ก็คงจะขาดทุนซ้ำสองจากการขายอีก หลังจากต้องขาดทุนจากการบำรุงรักษาช่วงที่ลำไยกำลังออกดอกไปแล้ว”
นายธนโชติเล่าอีกว่า ช่วงต้นฤดูญาติตนรายหนึ่งลองเก็บลำไยขาย เมื่อเก็บได้ 2-3 วันก็ต้องตัดสินใจเลิกเก็บเนื่องจากนำลำไยไปขายแล้วได้เงินมาหักกับค่าแรงเหลือเงินไม่ถึง 300 บาท บางวันแทบจะไม่เหลือเงินเลย จึงตัดสินใจเลิกเก็บปล่อยให้ลำไยเน่าคาต้น ประกอบกับปีนี้ทางล้งรับซื้อลำไยหลายแห่งปิดรับซื้อลำไยแบบมัดจุก และแบบใส่ตะกร้า มีบางส่วนเท่านั้นที่รับซื้อลำไยกับชาวสวนที่เป็นสมาชิก ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกหากเก็บลำไยขายก็ขาดทุนจึงยอมปล่อยผลลำไยทิ้งไว้ให้ร่วงตกลงเอง
สำหรับต้นทุนในการผลิตลำไย ปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ไร่ละ 4-5 พันบาท เพราะราคาปุ๋ยเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว จากการคำนวณราคาลำไย ปัจจุบันหากเก็บลำไยไปขายคาดว่าจะขายได้ไม่เกิน 6 พันบาทต่อไร่ ซึ่งยังไม่รวมที่ต้องจ่ายค่าแรงคนงานอีกวันละเกือบ 2 พันบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาลำไยกับค่าแรงสวนทางกันอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลเรื่องราคาลำไย รวมถึงเปิดตลาดใหม่ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันเราส่งขายลำไยไปที่ประเทศจีน ส่วนประเทศเวียดนาม ก่อนหน้านี้นำลำไยบ้านเราไปผสมกับของเขาขายให้จีนอีกทอดหนึ่ง ขณะนี้ทราบว่าทางเวียดนามมีผลผลิตลำไยปริมานที่เพียงพอส่งขายให้จีนโดยตรงแล้ว
ด้านนายคำแสน แสนศรี พ่อค้าเหมาซื้อต้นลำไย กล่าวว่า ได้รับซื้อต้นลำไยจากชาวสวนคนหนึ่งในหมู่บ้านเพื่อตัดเป็นท่อนฟืนส่งให้เตาอบลำไยหลายแห่ง ซึ่งล้วนเป็นต้นลำไยที่อายุประมาณ 60 ปี กำลังออกลูกเต็มต้น แต่เจ้าของสวนตัดสินใจขายทิ้งทั้งลูกทั้งต้น เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ราคาลำไยตกต่ำมากทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วไม่คุ้มทุนจึงตัดสินใจขายต้นลำไยให้ทั้งหมด 6 ไร่มีต้นลำไย 100 กว่าต้น สภาพยังสมบูรณ์
“ตั้งแต่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมามีชาวสวนลำไยติดต่อขายลำไยทิ้งทั้งต้นเป็นจำนวนมาก เจ้าของสวนบางส่วนจะปลูกพืชผัก สวนบางส่วนจะแบ่งที่ขายทำบ้านจัดสรร ทำให้ผมและคนงานต้องตัดต้นลำไยป้อนโรงงานทุกวัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วนำฟืนส่งโรงงานวันละ 12 ตัน รวมๆ แล้วที่ผ่านมาได้ตัดต้นลำไยเป็นฟืนส่งให้โรงงานไปแล้วกว่า 300 ตันแล้ว”
ด้านสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่รายงานว่าปีน้ำผลผลิตลำไยเชียงใหม่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 21 รวมทั้งหมดเกือบ 3 แสนตัน เนื่องจากสภาพอากาศเป็นใจและปริมาณน้ำฝนอุดมสมบูรณ์ทำให้ลำไยติดดอกและติดผลมากกว่าปีที่ผ่านมา