นครปฐม - นักเรียน 2 พี่น้องขอบคุณทุกหน่วยงานประสานต่อไฟฟ้าเข้าบ้านอีกครั้ง หลังถูกทางวัดสั่งให้การไฟฟ้ามายกหม้อแปลงออก ขณะที่พระลูกวัดหนองโพธิ์ แจงพ่อไม่เคยจ่ายค่าไฟหลายเดือน วัดมีเมตตาแน่หากมาคุยกันก่อน วอนผู้นำมาร่วมมือช่วยวัดด้วย
วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นักเรียนหญิงชั้น ม.3 อัดคลิปขอความช่วยเหลือ หลังจากบ้านถูกพระลูกวัดหนองโพธิ์ ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สั่งให้การไฟฟ้าให้ตัดไฟและยกมิเตอร์ไฟฟ้า ออกจากบ้านพักในพื้นที่ของวัด โดยต้องจุดเทียนและตะเกียง หรือหาหมวกที่ติดไฟนั่งทำการบ้านและกินอาหารในช่วงค่ำ ทำให้เป็นประเด็นดังในชั่วข้ามคืน และมีกระแสวิจารณ์ไปต่างๆ นานา
โดยผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับพระปรวัชช์ พระลูกวัดของวัดหนองโพธิ์ ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นคู่กรณีกับนายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี อาชีพรับจ้าง ที่บ้านเลขที่ 327 ม.8 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบิดาของนักเรียนหญิงคนดังกล่าว จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ตนเอง และวัดได้รับความเสียหาย เพราะในความเป็นจริงทางวัดได้อนุญาตให้นายประสิทธิ์ ได้อาศัยในพื้นที่วัดเพราะมารับจ้างทำงานก่อสร้างให้ที่วัด ซึ่งมีการรับงานหลายงาน รวมถึงรับต่อเติมและสร้างบ้านให้โยมพี่ชายด้วย แต่อาตมาได้บอกว่าให้แยกยอดเงินออกจากกัน คือค่าใช้จ่ายเรื่องสร้างบ้าน กับค่าใช้จ่ายของวัด แต่ทางช่างไม่ยอมแยกบิล และมาคิดเป็นยอดรวม ซึ่งยังติดหนี้วัดอยู่อีก 2 หมื่นบาท
พระปรวัชช์ บอกต่ออีกว่า ทางวัดให้ทำงานในวัดชดใช้ยอดเงินที่ติดเอาไว้ รวมถึงตั้งแต่ครอบครัวนี้มาปลูกบ้านอาศัยตั้งแต่เดือน เม.ย.64 จนถึงเดือน พ.ค.65 ยังไม่เคยจ่ายค่าไฟฟ้าสักเดือนเดียว จึงต้องทำการตัดไฟออก ซึ่งเมื่อเขาใช้โซเชียลกระจายข่าวออกไปได้มีหลายหน่วยงานเข้ามาเจรจา โดยมีกำนัน นายก อบต.ห้วยหมอนทอง และปลัดอำเภอกำแพงแสนเข้ามาเจรจา ซึ่งอาตมายินยอมให้มีการต่อมิเตอร์ใช้ไฟฟ้าได้ และทางนายประสิทธิ์ บอกว่าจะขอย้ายในเดือน เม.ย.66 แต่อาตมาบอกว่าให้อยู่จนลูกสาวเรียนจบ ม.3 เลยก็ได้
“เขาทำแบบนี้เพราะไม่เคยมาพูดคุยกัน แต่ไปใช้โซเชียลทำให้วัดเสียชื่อมองว่าวัดไม่ดี แต่เขามาเอาความศรัทธาของคนมารบเร้าให้สร้างนั่นนี่ ซึ่งทางวัดไม่ได้มีเงินเยอะ เพราะท่านเจ้าอาวาสไม่เคยไปบอกเรี่ยไรบุญจากใคร ที่สร้างได้มาจากศรัทธาของชาวบ้าน ผู้นำชุมชมไม่เคยได้เข้ามาร่วมมือหรือประสานงานกับวัดเลยทั้งๆ ที่วัดในตำบลนี้มีไม่มาก และไม่อยากให้ประชาชนฟังความข้างเดียวและที่อาตมาทำก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
ด้านนายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากมีข่าวออกไปมีหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ตำรวจ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพื้นที่อำเภอกำแพงแสนได้เข้ามาช่วยดูแลและพาไปเจรจากับพระปรวัชช์ แต่ได้ยื่นข้อเสนอให้ตนเองย้ายออกไปจากพื้นที่ในเดือนเมษายน 66 ถึงยอมที่จะต่อไฟให้ใช้ ถ้าไม่ออกก็ไม่ต่อให้ และต้องมีคนกลางมาพูดคุยให้
ขณะที่ น.ส.รัตติกาลณ์ นามวงษ์ อายุ 16 ปี กล่าวว่า ตนเองและน้องได้ใช้ไฟฟ้าแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้เข้ามาประสานการช่วยเหลือทำให้บ้านมีไฟฟ้าใช้อีกครั้ง และต้องขอขอบคุณพระอาจารย์ที่ได้อนุญาตให้ก่อสร้างบ้านบนที่ดินของวัดด้วย