นครสวรรค์ - ลุงวัย 65 ปีชาวเมืองปากน้ำโพโอดเสียสิทธิทุกอย่างมา 12 ปี ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น..หลังมีคนแจ้งตายออกใบมรณบัตรถึง ทน.นนทบุรี ระบุวันเผาเรียบร้อยตั้งแต่ปี 40 ทั้งที่ยังมีลมหายใจจนถึงวันนี้ เพียรยื่นแย้งแล้วไม่เป็นผล
หลังมีรายงานว่า นายองอาจ บุญฤทธิ์ อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 110/1 พื้นที่หมู่ 3 ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีชื่อในใบมรณบัตรทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้เสียชีวิต ทำให้ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนได้ รวมถึงยังไม่สามารถรับการช่วยเหลือค่าสวัสดิการต่างๆ ของรัฐได้ จนเดือดร้อนมานานกว่า 12 ปี
ล่าสุดจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า จนถึงวันนี้ (24 ก.ค. 65) นายองอาจยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี และพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับภรรยาเพียง 2 คน ส่วนลูกๆ ได้ไปมีครอบครัว และทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ กันหมดแล้ว
นายองอาจนำเอกสารหลักฐานมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายปี 2553 ตนได้เดินทางไปติดต่อขอต่ออายุบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แจ้งตนว่าไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนให้ได้
เนื่องจากตนมีชื่อในใบมรณบัตรที่ได้แจ้งการตายเอาไว้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 โดยนายชูชาติ เดชเกล้า ได้แจ้งขอออกใบมรณบัตรไว้ที่เทศบาลนครนนทบุรี ระบุนายองอาจ บุญฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี และได้แจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายร่างไปทำพิธีฌาปนกิจศพที่วัดมหาบุศย์ (แม่นาค) เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540
นายองอาจกล่าวว่า ตอนนั้นตกใจและแปลกใจมากที่จู่ๆ ก็มีการแจ้งขอออกใบมรณะทั้งที่ตนยังมีชีวิตอยู่ดีปกติทุกอย่าง ซึ่งก็ยังมองว่าอาจจะเกิดความผิดพลาดจากชื่อนามสกุลเดียวกันก็ได้ แต่เมื่อตนได้ขอตรวจสอบเอกสาร กลับปรากฏหลักฐาน ทั้งเลขบัตรประชาชน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เหมือนกับของตนทุกอย่าง ผิดอยู่อย่างเดียว คือชื่อบิดามารดาของตนไม่ตรงกับที่เขาได้แจ้งไว้
“หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ผมได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อำเภอให้ไปหาหลักฐานใบมรณบัตร และไปตรวจสุขภาพเพื่อออกใบรับรองแพทย์ รวมถึงให้ญาติพี่น้องในครอบครัว หรือเพื่อน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พระนอน เซ็นชื่อรับรองยืนยันว่าผมยังไม่ตาย เพื่อยื่นเรื่องคำร้องขอยกเลิกใบจำหน่ายการตายของสำนักทะเบียนท้องถิ่น เทศบาลนครนนทบุรี แต่ปรากฏว่าคำร้องนั้นก็ไม่สัมฤทธิผล และผมยังคงมีชื่อแจ้งตายมาจวบจนทุกวันนี้”
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ทางเทศบาลนครนนทบุรีไม่สามารถยกเลิกการจำหน่ายการตายได้นั้น นายองอาจให้ข้อมูลว่า ทางสำนักทะเบียนเทศบาลนครนนทบุรีได้ดำเนินการตรวจสอบใบมรณบัตรของตนแล้ว ไม่สามารถยกเลิกการแจ้งการตายได้ เนื่องจากข้อมูลรายบุคคลของผู้ที่แจ้ง แม้จะใช้ชื่อและนามสกุล รวมถึงเลขบัตรประชาชน 13 หลักเดียวกับตน แต่ในรายการข้อมูลใช้ชื่อบิดามารดาคนละชื่อ และที่อยู่แตกต่างกัน ทางเขาจึงเชื่อว่าเป็นคนละบุคคลกัน
ส่วนสาเหตุที่รายการบุคคลของตนถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เนื่องจากการปรับปรุงรายการข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง ได้มีการนำเลขบัตรประชาชนของตนมาลงในใบมรณบัตร จึงเป็นเหตุทำให้รายการบุคคลของตนถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สรุปคือ ในนามของตนเป็นคนตายไปแล้ว แต่ตัวจริงยังคงมีชีวิตอยู่
“นี่ก็ผ่านมา 12 ปีแล้วที่ผมไม่มีบัตรประชาชนใช้ เพราะชื่อยังไม่ถูกยกเลิกการแจ้งตาย ซึ่งมันทำให้สูญเสียโอกาสหลายอย่าง จะขี่รถออกไปหางานทำที่ไหนก็ลำบากกลัวว่าจะถูกจับเพราะไม่มีใบขับขี่ หนำซ้ำยังประสบกับปัญหาไม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุมาถึง 6 ปี ไม่ได้รับการชดเชยเรื่องการเกษตรจากภาครัฐ ไม่มีชื่อรับสิ่งของบริจาคจากภาครัฐและเอกชน จะใช้สิทธิไปเลือกตั้งก็ไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถขอกู้เงินมาลงทุนจากภาครัฐ หรือจากกลุ่มเอกชนได้ เพราะผมมีชื่อในเอกสารใบมรณบัตรระบุเป็นผู้เสียชีวิตไปแล้ว”
เมื่อถามถึงบุคคลที่มีชื่อปรากฏไปแจ้งตาย นายองอาจกล่าวว่า ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้านายชูชาติ เดชเกล้า ที่เขาไปแจ้งว่าตนตายเลย แต่ก็อยากจะฝากบอกไปถึงเขาว่า เรื่องนี้มันทำให้ตนเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องทนทุกข์มานานกว่า 12 ปี จะออกไปหางานที่ไหนก็ไปหาทำไม่ได้ ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกต้นไม้ขายไปวันๆ ส่วนภรรยาก็ต้องเดือดร้อนตาม เพราะต้องรับภาระหารายได้ที่ไว้ใช้จ่ายภายในครอบครัวส่วนใหญ่ แทบไม่มีเหลือเก็บกันเลย
“ขณะนี้ผมและครอบครัวก็ยังมืดแปดด้าน ยังหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาไม่เจอ จึงอยากวิงวอนร้องขอหน่วยงาน หรือผู้รู้มีความสามารถท่านใดก็ได้ โปรดให้การช่วยเหลือในการยกเลิกใบมรณบัตรของผมด้วย ผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติต่อไป”