xs
xsm
sm
md
lg

พ่อค้าแม่ค้าตลาดน้อย มมส ฮือประท้วงผู้บริหารประมูลล็อกขายอาหารแพงขึ้นเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาสารคาม -อกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าใน มมส เขตขามเรียงกว่า 300 ร้านปิดตลาดขายอาหารประท้วง หลังมหาวิทยาลัยเตรียมจัดทำระบบประมูลล็อกขายอาหาร ซ้ำขึ้นค่าเช่าแพงขึ้นเท่าตัว โอดโหดร้ายกับผู้ค้าที่ทำมาหากินสุจริต
กว่า 2 ปีไม่มีรายได้เพราะโควิดระบาด พอเปิดเทอมเริ่มได้ขายกลับหาเหตุหารายได้จากกลุ่มแม่ค้าพ่อค้าในตลาด



วันนี้ ( 21 ก.ค.) เวลา 09.00 น. ที่บริเวณตลาดน้อย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (เขตขามเรียง) อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดน้อยกว่า 300 ร้านค้ารวมตัวกันหยุดขายอาหาร 1 วัน พร้อมเดินขบวนไปที่หน้าอาคารบรมราชกุมารี ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อขอพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายหลังไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการยกเลิกสัญญาเช่าเดิม การขึ้นค่าเช่าแผงค้า และเปิดประมูลใหม่ทั้งหมด ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากโควิด-19 ในรอบ 2 ปี ได้รับผลกระทบอย่างมาก

โดยข้อความป้ายที่แต่ละคนถือในขบวนประท้วง เช่น เราไม่เอาประมูล, หยุดโควิด 2 ปี เปิดร้านอีกทีโดนเท, “พนูนํ ปณฺฑิโต ชีเว” ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน, เรารักมหาวิทยาลัย แต่มหาวิทยาลัยไม่รักเรา เป็นต้น ก่อนจะเดินเคลื่อนขบวนมายังหน้าอาคารบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นที่ทำงานของรองศาสตราจารย์ ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อขอให้อธิการบดีและคณะผู้บริหารลงมาพบและพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า ให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น


นายชนะพงษ์พันธ์ แพงวิเศษ ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดน้อย กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางพ่อค้าแม่ค้าต้องประสบกับวิกฤตโควิด-19 ตลอด 2 ปีครึ่ง เมื่อทางมหาวิทยาลัยฯ มีการเปิดภาคการศึกษาแบบ On site กำหนดเปิดเรียน 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ทำให้มีนิสิตเดินทางมาเรียนมากขึ้น พอที่จะให้พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายอาหารและเครื่องดื่มให้แก่นิสิตพอที่จะลืมตาอ้าปากได้ ผ่านมาเพียง 20 กว่าวัน เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนก็จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่ โดยทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ยกเลิกการต่อสัญญา และเปิดให้มีการประมูลเสนอราคาค่าธรรมเนียมในการใช้พื้นที่เพื่อประกอบกิจการร้านค้าภายในมหาวิทยาลัยฯ

ทำให้พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีการปรับขึ้นค่าเช่าแผงจากเดิม 100% เช่น ค่าล็อกอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว จากเดิมจัดเก็บเดือนละ 6,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟค่าส่วนกลางต่างหาก ปรับเป็นเดือนละ 12,000 บาท ถ้าเป็นล็อกตรงกลางล็อกใหญ่ เดือนละ 3,000 บาท ปรับเป็น 6,000 บาท ล็อกเล็กล็อกละ 1,500 บาท ปรับเป็น 3,000 บาท ส่วนโซนปิ้งย่าง หน้าร้านแคบ เพียง 1.9 เมตร แต่ล็อกยาวลึกเข้าไปด้านในไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ ล็อกละ 1,500 บาท ปรับขึ้นเป็น 7,000 บาท

“พวกเราที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบอย่างมาก จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย หยุดยาวจากโควิดระบาด นิสิตเรียนออนไลน์ เราก็ไม่ได้ขายของมา 2 ปีครึ่ง พอเพิ่งจะเปิดเรียนได้เพียง 20 กว่าวันก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” นายชนะพงษ์พันธ์กล่าว และว่า


ส่วนข้อเรียกร้องของทางพ่อค้าแม่ค้า ตอนนี้มีข้อเรียกร้องอยู่ 4 ข้อ คือ 1. ต้องไม่มีการประมูล หรือหากจะประมูลก็ขอให้ประมูลล็อกที่ว่าง 2. ขอให้พิจารณาค่าล็อกใหม่ เราเข้าใจว่าตลาดน้อยมีการปรับปรุง ทำให้ดูดีสวยงามขึ้น จึงต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ขอให้มีการปรับขึ้นแบบขั้นบันได ไม่ใช่ปรับขึ้นทีเดียว 100% เราจะเอาเงินมาจากไหนในเมื่อไม่ได้ขายของมา 2 ปีกว่า เพราะเจอโควิด 3. เงินค้างค่าประกันสัญญาของพ่อค้าแม่ค้าที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ค้างจ่าย ตั้งแต่ปี 62 เหตุเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ไม่เอาเงินเข้าระบบ เงินส่วนที่ไม่มีใบเสร็จก็แล้วไป

แต่เงินประกันสัญญาจะมีใบเสร็จอยู่แล้ว ก็ขอเงินคืนให้แก่พ่อค้าแม่ค้าด้วย โดยทางมหาวิทยาลัยฯ อ้างว่ากำลังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ที่เอาเงินไป ต้องรอก่อนเพราะว่าทางมหาวิทยาลัยฯ ไม่มีเงินมาจ่ายให้ และข้อ 4. ทางพ่อค้าแม่ค้าขอต่อสัญญาให้ผู้ประกอบการรายเก่า 5 ปี


ขณะที่แม่ค้ารายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนขายของมากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ระบบเก่าใช้การต่อสัญญาปีต่อปี หลังจากทราบว่าทางมหาวิทยาลัยจะใช้ระบบประมูล ทำให้ค่าเช่าแผงแพงขึ้นกว่า 1 เท่า ซึ่งตอนนี้เจอโควิดว่าลำบากแล้วไม่ได้ขายของมา 2 ปี พอเปิดเทอมกลับมาขายของได้เพียงเดือนเดียว ต้องมาตกใจค่าเช่าที่จะขึ้นราคาอีก

“เรื่องที่เกิดขึ้น ถือว่าโหดร้ายกับแม่ค้าพ่อค้าในตลาดน้อยเป็นอย่างมาก ปกติจ่ายเดือนละ 3,000 บาท สัญญาหมดเดือนกันยายน หากใช้ระบบประมูลต้องจ่ายเดือนละ 6,000 บาท จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กลุ่มแม่ค้าด้วย” แม่ค้ารายเดิมกล่าว

ต่อมาได้มีผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำโดย ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล รองอธิการบดีฝ่ายการคลังและพัสดุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองคลังและพัสดุ ได้ออกมาพบและรับทราบข้อเรียกร้องของทางพ่อค้าแม่ค้าในตลาดน้อย โดย ผศ.ดร.กนกพรกล่าวกับพ่อค้าแม่ค้าตลาดน้อยว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของพ่อค้าแม่ค้าตลาดน้อยแล้ว ที่ผ่านมาได้ทราบถึงปัญหามาโดยตลอด

จากนี้ทางมหาวิทยาลัยฯ จะได้ทบทวนเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งตอนนี้เราคุยกันด้วยวาจา แต่อยากให้ทางพ่อค้าแม่ค้าได้ทำหนังสือเป็นบันทึกข้อความเข้ามาเพื่อเป็นหลักฐาน โดยทางคณะกรรมการมหาวิทยาลัยจะได้นำไปพิจารณาถึงข้อเรียกร้องต่างๆ และจะได้แจ้งผลการดำเนินการให้ทราบโดยเร็วที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น