สุรินทร์ - ผู้ว่าฯสุรินทร์นำพุทธศาสนิกชนร่วมกันทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง หนึ่งเดียวในโลก ในวันอาสาฬหบูชา ที่ลานอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ ผู้สร้างเมืองสุรินทร์ โดยพระสงฆ์ 70 รูปนั่งหลังช้าง 36 เชือกออกรับบิณฑบาตจากประชาชนและนักท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก หลังโควิดระบาดงดจัดงานมานาน 2 ปี
วันนี้ (13 ก.ค.) เวลา 07.20 น. ที่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ถนนกรุงศรีนอก เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เปิดงานตักบาตรบนหลังช้างประจำปี 2565 โดยมี พระพรหมวชิรโมลี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย พระอารามหลวง จ.สุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายพรชัย มุ่งเจริญพร นายก อบจ.สุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ เทศบาลเมืองสุรินทร์ ร่วมประกอบพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง
มีประชาชน และนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้างเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันอาสาฬหบูชา ซึ่งจัดขึ้นแห่งเดียวในโลก พระเถระชั้นผู้ใหญ่ พร้อมด้วยพระสงฆ์ จำนวน 70 รูป นั่งหลังช้างจำนวน 36 เชือก เดินออกรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์ จำนวน 4 ซุ้ม ได้ทำบุญตักบาตร ช้างเดินให้พุทธศาสนิกชนได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจำนวนหลายรอบ เพื่อให้ชาวพุทธได้ตักบาตรด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ปัจจัยถวายแด่พระสงฆ์ ขอพรจากพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวไทย รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์
ทั้งนี้ พิธีทำบุญตักบาตรบนหลังช้างแห่งเดียวในโลกในวันอาสาฬหบูชา และรับวันเข้าพรรษา ในวันนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 หลังจากว่างเว้นการจัดงานมานาน 2 ปี จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -2019 วันนี้บรรยากาศการทำบุญตักบาตรบนหลังช้างคึกคักเป็นอย่างมาก มีพุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศจำนวนมากมาร่วมงาน
ทั้งนี้ ก่อนที่จะประกอบพิธีทางศาสนาได้มีฝนตกลงมาโปรยปรายตั้งแต่เวลา 06.00 น. และเมื่อถึงเวลา 07.00 น. ฝนหยุดตก ทำให้บรรยากาศร่มเย็น พุทธศาสนิกชนได้พร้อมใจกันทำบุญตักบาตรด้วยจิตอันเป็นกุศลยิ่ง นักท่องเที่ยวได้บริจาคเงินทำ บุญกับช้าง และเลี้ยงอาหารช้าง ถ่ายรูปกับช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งช้างถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ และสัตว์มงคล ที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาช้านาน
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง อำเภอเมือง เรียนรู้ภูมิปัญญาการย้อมสีผ้าไหมจากธรรมชาติของชาวสุรินทร์ และตื่นตาไปกับศิลปะการถักทอเส้นไหมอันสลับซับซ้อนดิ้นทองผสมผสานลายราชสำนักโบราณ จำนวน 1,416 ตะกอ, หมู่บ้านช้าง อำเภอท่าตูม เรียนรู้วิถีชีวิตชาวกวยหรือกูย สัมผัสความผูกพันระหว่างคนกับช้าง ที่เลี้ยงช้างเป็นเสมือนดั่งสมาชิกในครอบครัว มากกว่ามุ่งเน้นการเลี้ยงช้างเพื่อการงานหรือธุรกิจ, ปราสาทศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ ชมภาพสลักนางอัปสราหินทรายที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย