บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.พุทไธสงกว่า 30 นายคุมตัวผัวซาดิสต์ฆ่าเมียทิ้งศพเปลือยบนที่นอนรอยกัดทั่วร่างทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ไร้ญาติเยี่ยม ยังอ้างก่อเหตุเพราะโมโหที่ผู้ตายเมาพูดไม่รู้เรื่องและเอาเงินที่รับจ้างทำงานไปใช้ แม่เลี้ยงคนตายอโหสิกรรมไม่อยากจองเวร ขอให้วิญญาณลูกสาวไปอยู่ในภพภูมิที่ดีไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก
วันนี้ (12 ก.ค.) พ.ต.อ.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมพนักงานสอบสวน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย ได้คุมตัวนายนิติพจน์ กลมไธสง หรือดาว อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่า นางกมลา กองไธสง อายุ 55 ปี ภรรยาของตัวเอง เสียชีวิต ทิ้งศพเปลือยบนที่นอนในสภาพรอยกัดทั่วร่างกาย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังบ้านที่เกิดเหตุ หลังตำรวจ สภ.พุทไธสงได้นำหมายศาลติดตามจับตัวได้ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีไปหลบซ่อนที่บ้านญาติที่ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังถือโล่เป็นเเนวป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายดาว เข้าไปชี้จุดภายในบ้านที่ก่อเหตุฆ่าภรรยา โดยนายดาวอ้างว่าก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มเหล้ากับภรรยา พอเมาแล้วก็มีปากเสียงกัน อ้างว่าทะเลากันเรื่องที่ภรรยาเอาเงินที่ได้จากการรับจ้างทำงานไปใช้คนเดียว ทำให้รู้สึกโมโห หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาจึงนั่งคร่อมร่างใช้มือบีบคอ ก่อนจะใช้หมอนปิดปากเเละจมูกจนภรรยาแน่นิ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาทำแผนไม่ถึง 20 นาที ซึ่งการทำแผนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีเพียงญาติจำนวนหนึ่งที่เฝ้าดูการทำแผน แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์รุมประชาทัณฑ์แต่อย่างใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้
หลังทำแผนได้คุมตัวนายดาวกลับไปที่ สภ.พุทไธสงเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะนายดาวยังให้การสับสนอาจจะยังไม่สร่างเมาเต็มที่ ซึ่งหลังจากถูกจับกุมจนถึงขณะนี้ไม่มีญาติมาเยี่ยมนายดาว แต่อย่างใด คาดว่าจะส่งฝากขังที่ศาล จ.บุรีรัมย์ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.)
ด้าน นางดอกไม้ แม่เลี้ยงของผู้ตาย บอกว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุดโดยการจำคุกตลอดชีวิตเพื่อรับกรรมกับสิ่งที่กระทำ ส่วนตัวและญาติขออโหสิกรรมให้เพราะไม่อยากให้มีเวรกรรมต่อกันอีก และอยากให้ดวงวิญญาณของลูกสาวไปสู่ภพภูมิที่ดี เชื่อว่าลูกคงพ้นทุกข์ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว