xs
xsm
sm
md
lg

เอไอเอส (AIS) ร่วมตำรวจไซเบอร์ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 14 แห่งใน จ.ชลบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา​ - AIS ผนึกกำลังตำรวจไซเบอร์ และ กสทช. เดินหน้าต่อเนื่อง เจอ จับ จริง บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่กว่า 14 จุด ในจังหวัดชลบุรี

ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (11 ก.ค.)​ เอไอเอส ร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “ตำรวจไซเบอร์” นำโดย พ.ต.ท.เรืองกฤษณ์ ศิริมาจันทร์ รอง.ผกก.2 บก.สอท.1 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. และกองพิสูจน์หลักฐานเขต 2 ชลบุรี นำหมายค้นเข้าทลายกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบุกตรวจค้นห้องพักอพาร์ตเมนต์ ห้องแถวทั้งหมด 14 จุด ในพื้นที่ ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 

ตรวจยึดเครื่องสัญญาณ IP PBX (ซิมบ็อกซ์ แบบ 32 ซิม) จำนวน 101 เครื่อง Router WI-FI จำนวน 46 เครื่อง พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุด สะท้อนการทำงานเชิงรุก เจอ จับ จริง ตั้งเป้าปกป้องลูกค้าและ ประชาชนจากมิจฉาชีพ


นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า จากกรณีปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน ที่สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันเกิดเพิ่มขึ้นตามลำดับ

"ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีเป้าหมายสูงสุดคือ การปกป้องข้อมูลและการใช้งานระบบสื่อสารของลูกค้า ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการพัฒนาดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ เช่น AIS Secure Net, Google Family Link ที่สามารถดูแลการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้อยู่บนความปลอดภัยจากสแปม ฟิชชิ่ง ไวรัสแล้ว เรายังได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ อย่าง กสทช.และฝ่ายความมั่นคงอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ผ่านบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา"

นายปรัธนายังบอกอีกว่า ในวันนี้ที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถจับกุมมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นผลจากการร่วมทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเอไอเอสยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมทำงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพที่จะถูกดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


ด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำโดย พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.4 สอท.1 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เข้าตรวจค้นขยายผลกระจายสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์ IP PBX (Internet Protocol Private Branch Exchange) ซึ่งร่วมการสนับสนุนข้อมูลทางด้านเทคนิคของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาค ภาคตะวันออก AIS และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ กสทช.(พระพาย) จำนวน 5 นาย

โดยผลการตรวจค้น จำนวน 14 จุด 16 ห้องพัก สามารถตรวจยึดเครื่อง IP PBX จำนวน 101 เครื่อง router WiFi จำนวน 46 เครื่อง และพบผู้ต้องสงสัยที่ดูแลสถานที่ดังกล่าวได้ 1 ราย ซึ่งจะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1) มีอัตราโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร






กำลังโหลดความคิดเห็น