ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เวทีประชาพิจารณ์เดือด! ชาวบ้านปากช่อง โคราชฮือคัดค้านขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอ่อน ฮุบเขา 200 ไร่ ต.หมูสี ปากช่อง ผวาทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สวล. สร้างมลพิษทางเสียง อากาศและน้ำ กระทบหนักแหล่งท่องเที่ยวเขาใหญ่ มรดกโลก ด้านอุตสาหกรรมจังหวัดฯ เผยทำได้แค่รับฟัง ก่อนชงให้กรมอุตฯเหมืองแร่พิจารณา
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมาสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมาได้เชิญชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 6 บ้านคลองเดื่อ หมู่ที่ 12 บ้านท่าช้าง หมู่ที่ 16 บ้านท่าช้างเหนือ บ้านโต่งโต้น ที่อยู่รอบแนวเขตการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอ่อน เข้าร่วมประชุมเพื่อให้แสดงความคิดเห็นเพื่อทำประชาพิจารณ์ ณ ห้องประชุมโรงเรียนท่าช้าง หมู่ 16 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยก่อนถึงเวลาประชุม นายณัฐพัชร์ ทำสวน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 บ้านท่าช้าง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยผู้นำองค์กรส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปกครอง เทศบาลตำบลหมูสี ชาวบ้าน และเยาวชนกว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณลานวัดท่าช้าง หมู่ที่ 16 พร้อมชูป้ายคัดค้านที่นายทุนยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอ่อนที่ขอจดทะเบียนไว้เป็นคำขอ ที่ 4/2556 มีเนื้อที่ประมาณ 202 ไร่ 1 งาน 58 ตารางวา ตั้งอยู่บริเวณหมู่ 12 บ้านท่าช้างใต้ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอ่อนทั้งหมดเป็นภูเขาหินอ่อนมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ทอดยาวไปในหลายหมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 6 บ้านคลองเดื่อ หมู่ที่ 12 บ้านท่าช้าง หมู่ที่ 16 บ้านท่าช้างเหนือ บ้านเกาะแก้ว ซี่งมีวัด สนามกีฬา โรงแรม รีสอร์ต ลานกางเต็นท์ โรงเรียน สนามกีฬาระดับชาติ แหล่งท่องเที่ยว สนามกอล์ฟ และบ้านพักที่อยู่อาศัยของประชาชนรอบบริเวณทั้ง 4 ด้าน
จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันถือป้ายคัดค้านเดินมาตามถนนจากวัดท่าช้างมาที่บริเวณห้องประชุมโรงเรียนบ้านท่าช้าง ระยะทางประมาณ 500 เมตร และร่วมกันยืนชูป้ายคัดค้านหน้าห้องประชุม พร้อมลงทะเบียน ตรวจจุดคัดกรอง เข้าห้องประชุม โดยมี นายชัยทัต สมิตินนท์ อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ และมีตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาออกมากล่าวรายละเอียดการทำเหมืองแร่หินอ่อน โดยไม่มีการระเบิดหินส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่างๆ เสร็จแล้วเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมออกมาสลับสับเปลี่ยนกัน แสดงความคิดเห็น
นายกฤษติชัย สุขมังษา สารวัตรกำนันตำบลหมูสี ออกมาแสดงความคิดเห็นคนแรก กล่าวว่า ตำบลหมูสี เขาใหญ่ มีโอโซนระดับ 7 ของโลก เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่คนทั่วโลกรู้จักดี คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2548 และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของประเทศไทยและจังหวัดนครราชสีมา มีความสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจ จะมาทำเหมืองแร่หินอ่อน เอาฝุ่นละอองและมลพิษมายัดเยียดให้ไม่ได้ ชาวบ้านพวกเราทั้งหมดขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด
นายณัฐพัชร์ ทำสวน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 บ้านท่าช้าง กล่าวว่า การทำเหมืองแร่ในพื้นที่ในจุดนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอันมาก เช่น มลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง มลพิษทางเสียง การขุดเจาะ การระเบิดหิน ถนนหนทางทรุดโทรม เสียหาย กระทบต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำใต้ดิน สายน้ำลำตะคองที่ไหลมาจากอุทยานฯเขาใหญ่ ลงเขื่อนลำตะคอง ต้นน้ำหล่อเลี้ยงเมืองโคราช เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชาชนที่มีบ้านอยู่รอบแนวเขตในรัศมี 500-600 เมตร คงอยู่ไม่ได้ ถึงแม้นว่าก่อนนั้นมีการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หิน บริเวณจุดเล็กๆ ไม่กี่ไร่ ซึ่งตอนนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญขยายวงกว้างมาก แต่ได้หยุดทำไปเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา แต่ขณะนั้นการพัฒนาพื้นที่บ้านเมืองยังไม่เจริญ เหมือนปัจจุบัน ตนและชาวบ้านจะรวมตัวกันคัดค้านถึงที่สุด
นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าวว่า อำเภอปากช่องถือเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่มีความเป็นธรรมชาติ อากาศดี มีผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต สนามกอล์ฟ ต่างๆ กระจายอยู่ทั่วไป ต่างจะได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวางและยาวนาน ความเป็นอยู่ของประชาชน กระทบต่อการท่องเที่ยวมลพิษทางเสียง ทางอากาศฝุ่นละออง โรคภัยจากทางเดินหายใจ เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศไทย จึงขอคัดค้านการทำเหมืองแร่หินอ่อนในพื้นที่ปากช่อง เขาใหญ่ ส่งผลเสียหายต่อส่วนรวมในระยะยาว ประชาชนชาวปากช่องขอคัดค้านไม่เอาเหมืองแร่เด็ดขาด
ด้าน นายชัยทัต สมิตินนท์ อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจการอนุญาตออกใบประทานบัตรทำเหมืองแร่ วันนี้มารับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน ต่างมีความกังวลหากมีการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่หินอ่อน และพื้นที่ตำบลหมูสี ถือเป็นพื้นที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เห็นว่าทุกคนคัดค้าน ตนก็จะนำเอาความคิดเห็นของประชาชนทั้งหมดรายงานเข้าไปยังอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ภายใน 15 วัน จากนั้นจะนำคำสั่งมาติดประกาศหมู่บ้านที่มีผลกระทบและพื้นที่ราชการต่อไป


