สระบุรี - รถไฟขบวนรถไฟ 605 บรรทุกปูน ขยี้ร่างชายวัย 53 ปี กะโหลกเปิดเสียชีวิตคาที่ ขณะจะเดินข้ามไปอีกฝั่ง บริเวณข้างรางรถไฟชุมชนเสือขบ ถ.เทศบาล 2 ซอย 11 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
เย็นวันนี้ (7 ก.ค. ) พ.ต.ท.จิรเดช กันทะสาร สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถไฟชนคนเสียชีวิตอยู่ที่ ข้างรางรถไฟ ชุมชนเสือขบ ถ.เทศบาล 2 ซอย 11 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้รุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์เวรรพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี
ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย นอนคว่ำหน้าทับต้นกระถินข้างรางรถไฟ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงยีนส์ขาสั้น และตรวจค้นภายในตัวพบกระเป๋าสตางค์สีดำ 1 ใบ ภายในกระเป๋ามีเงินสด 90 บาท ลอตเตอรี่ของงวดที่แล้ว 5 ใบ และในกระเป๋ากางเกงยีนส์ยังพบหลอดยาดม มียาบ้าอยู่ในหลอด 1 เม็ด อุปกรณ์การเสพยาเสพติดเป็นหลอดดูดยาบ้า 1 อัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายสมพร เมฆะวัน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 398 หมู่ 18 ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย (ตามบัตรประชาชน) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนแพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพตามร่างกาย มีบาดแผลที่กะโหลกศีรษะขวายุบเปิดเป็นแถบ และแขนข้างขวามีบาดแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ลงความเห็นให้ส่งศพไปชันสูตรอีกครั้งหนึ่ง และจะรอญาติมาติดต่อ
ถัดไปประมาณ 50 เมตร พบขบวนรถไฟ 605 บรรทุกปูนทีพีไอ วิ่งจากสถานีหินลับ จ.สระบุรี มุ่งหน้าไป จ.ลำพูน จอดอยู่ มีนาย สมชาย กุลมณี อายุ 56 ปี พขร.รถไฟ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนขับรถออกจากสถานีรถไฟสระบุรี มุ่งหน้าเส้นทางกรุงเทพฯ และจะไปจอดที่สถานีภาชี เพื่อจะแยกไป จ.ลำพูน ขณะผ่านมา ตนเปิดไฟหน้าและได้เปิดหวูดสัญญาณมา ซึ่งไม่ทราบว่าข้างหน้าจะมีคนผ่านมา เพราะมีป่าหญ้าค่อนข้างรก พอเห็นผู้ตายเดินขึ้นมา ตนจึงได้ใส่ล้อฉุกเฉิน ซึ่งชายคนดังกล่าวเดินขึ้นมาบนรางเลย และตนเปิดสัญญาณทุกอย่างแล้วก็ชนเลย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้นได้ความว่า คนตายน่าจะพักอาศัยอยู่แถว ถ.เทศบาล 3 ชอบข้ามทางรถไฟมา ถ.เทศบาล 2 เพื่อมาหาซื้อของ แต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหน หรือเป็นญาติกับใคร และผู้เสียชีวิตน่าจะไม่เห็นรถไฟหรือไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ เพราะบริเวณรางรถไฟมีป่ากระถินขึ้นสูง อาจจะมองไม่เห็นรถไฟ จึงได้รีบเดินข้ามและโดนรถไฟเฉี่ยวชนเสียชีวิตดังกล่าว
ส่วนทางการรถไฟฯ ได้มีการล้อมรั้วเป็นแนวยาว กันไม่ให้คนข้ามเพราะจะเกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ชาวบ้านบริเวณนั้นยังไปถอดรั้วเอาไว้เดินข้ามกัน เพราะจะได้ไม่ต้องไปอ้อมไกล จึงได้เกิดอุบัติเหตุ
