บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน ผู้ปกครองแห่ผูกแขนเรียกขวัญให้กำลังใจครูและ ผอ.โรงเรียนโคกสูงคูขาด อ.หนองกี่ บุรีรัมย์ หลังเจอดรามาผู้ปกครองร้องเด็กอนุบาล 5 ขวบแขนหักผิดรูปไม่พาส่ง รพ. เผยงงเด็กแขนหักจากอุบัติเหตุวิ่งเล่นกับเพื่อนต้องใส่เฝือกตั้งแต่ปิดเทอม ทำไมให้ข้อมูลไม่หมดปล่อยสังคมเข้าใจผิด ยันไม่โกรธแค่อยากให้พูดคุยกันด้วยเหตุผลและทาง ร.ร.พร้อมดูแล ด้าน สพป.เขต 3 นัดไกล่เกลี่ยหาข้อสรุปพรุ่งนี้
จากกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ โพสต์ระบายในโซเชียลและร้องเรียนผ่านสื่อว่า น้องเตเต้ หลานชายวัย 5 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านโคกสูงคูขาด ต.โคกสูง อ.หนองกี่ มีอาการแขนซ้ายหักผิดรูป แต่ครูประจำชั้นกลับไม่ยอมพาส่งโรงพยาบาล ปล่อยเด็กทิ้งไว้ ไม่แจ้งผู้ปกครองทราบ และไม่พาไปรักษาตามเหตุสมควร ทั้งมีการเรียกร้องค่าเยียวยาโดยตกลงกันที่ 55,000 บาท ซึ่งผู้อำนวยการ (ผอ.)โรงเรียนรับปากจะจ่ายให้ในวันที่ 20 มิ.ย. แต่กลับไม่ได้จ่าย ผู้ปกครองจึงออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม จนกลายเป็นกระแสดรามา ทั้ง ผอ.และครูประจำชั้นถูกโซเชียลโจมตีสารพัด
ขณะที่ครูประจำชั้นออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยตามที่ผู้ปกครองกล่าวหา ยืนยันว่าตอนอยู่โรงเรียนเด็กไม่ได้มีอาการแขนผิดรูปตามรูปถ่ายที่ปรากฏในโซเชียล เด็กยังดูปกติ พร้อมระบุว่าแขนของเด็กได้หักผิดรูปและถูกใส่เฝือกตั้งแต่ช่วงปิดเทอมแล้ว เนื่องจากเด็กประสบอุบัติเหตุวิ่งเล่นกับเพื่อนในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ผู้ปกครองที่ออกมาร้องเรียนทำงานอยู่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับทางโรงเรียนเลย ยังแปลกใจว่าทำไมผู้ปกครองถึงไม่ให้ข้อมูลให้ครบถ้วน ว่าแท้จริงแล้วน้องแขนหักใส่เฝือกดามรักษาอยู่ก่อนแล้ว แต่ทำไมมาเรียนวันแรกกลับมากล่าวหาว่าครู และทางโรงเรียนปล่อยปละละเลยไม่ดูแลนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค.) ได้มีชาวบ้าน และผู้ปกครองมารวมตัวกันที่โรงเรียนโคกสูงคูขาดเพื่อมาผูกแขนให้ นายอุเทน ระวะใจ ผอ.โรงเรียน และ นางนิตยา ธวัชชัยสกุล หรือครูหนิง ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของน้องเตเต้ที่แขนหักผิดรูป พร้อมทั้งผูกแขนให้แก่คณะครูในโรงเรียนด้วย เพื่อเป็นการให้กำลังใจทั้ง ผอ.และคณะครูในการทำหน้าที่ โดยเฉพาะครูหนิง หลังเจอกระแสดรามาผู้ปกครองร้องเรียนกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยเด็ก ไม่ยอมพาหลานวัย 5 ขวบที่มีอาการแขนหักผิดรูปไปส่ง รพ. จนทำให้ครูรู้สึกไม่สบายใจถึงขั้นอยากจะขอย้ายตัวเอง
นายอุเทน ระวะใจ ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ขอบคุณชาวบ้าน และผู้ปกครองทุกคนที่มาให้กำลังใจ เพราะที่ผ่านมาตั้งใจทำหน้าที่ผู้บริหารด้วยความตั้งใจ ทั้งเป็นแบบอย่างให้แก่ครู รวมถึงการดูแลนักเรียน ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถึงแม้ครูประจำชั้นจะยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของครู แต่เมื่อผู้ปกครองร้องเรียนก็ต้องมีการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงและรายงานผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองกล่าวอ้างว่าตนเองรับปากว่าจะจ่ายเงินเยียวยา 55,000 บาทแต่กลับไม่จ่ายตามที่พูดคุยนั้น ยอมรับอาจจะเกิดจากการสื่อสารที่เข้าใจไม่ตรงกัน ถือเป็นบทเรียนสำหรับตัว ผอ.เอง จะต้องให้รอบคอบมากกว่านี้ แต่ยืนยันว่าทาง ร.ร.พร้อมจะดูแลเด็กอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริง ซึ่งจะมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 3 เพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้โกรธผู้ปกครองที่ออกมาร้องเรียน แค่อยากให้พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และยืนยันว่ายังคงจะดูแลลูกหลานอย่างดีที่สุด
ด้าน ครูหนิง ครูประจำชั้น บอกว่า ขอบคุณชาวบ้านและผู้ปกครองทุกคนที่มาให้กำลังใจ ยอมรับว่าตอนเกิดเรื่องรู้สึกท้ออยากจะขอย้ายตัวเอง แต่หลังจากมีพ่อแม่ผู้ปกครองมาให้กำลังใจก็ทำให้รู้สึกมีกำลังใจมากที่จะทำหน้าที่ต่อ และยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกโกรธผู้ปกครองที่ออกมาร้องเรียน เพราะหากเป็นตนเองที่เห็นลูกหลานในสภาพนั้นคงจะรู้สึกไม่แตกต่างกัน
แต่แค่แปลกใจว่าทำไมผู้ปกครองถึงไม่ให้ข้อมูลทั้งหมดว่าหลานเคยประสบอุบัติเหตุแขนหักผิดรูปต้องรักษาด้วยการใส่เฝือกตั้งแต่ช่วงปิดเทอมแล้ว แต่พอถอดเฝือกแล้วมาโรงเรียนได้วันเดียว ซึ่งตอนมาปกติดี แต่พอเลิกเรียนกลับบ้านไปแล้วผู้ปกครองกลับมาร้องเรียนว่าเด็กแขนผิดรูปตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนแต่ไม่ยอมพาไปโรงพยาบาล ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้ง ผอ.และครูเองก็ไปดูแลทั้งที่โรงพยาบาลและเยี่ยมที่บ้าน ส่วนตัวไม่ได้โกรธผู้ปกครองแค่อยากจะอธิบายและพูดคุยกันให้เข้าใจเท่านั้น
ขณะที่ นางธัญญารัตน์ ทุมพล ผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ซึ่งเรียนห้องเดียวกันกับน้องเตเต้ บอกว่า วันที่มารับลูกที่โรงเรียนก็ยังเห็นน้องเตเต้ปกติดียังวิ่งเล่นกับลูกสาวของตัวเองและเพื่อนคนอื่น ซึ่งตนยังถามน้องเตเต้อยู่เลยว่าแขนเป็นยังไงบ้าง เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าเตเต้แขนหักตอนปิดเทอม ดังนั้นเชื่อว่าน้องเตเต้ไม่น่าจะมีอาการแขนหักผิดรูปที่โรงเรียน อยากให้มีการพูดคุยกันให้เข้าใจ ก็สงสารทั้งเด็ก และครู
