xs
xsm
sm
md
lg

ครูแจงทั้งน้ำตา! ไม่ได้ทำเด็กแขนหักผิดรูปตามผู้ปกครองร้องเรียน แต่หักมาก่อนเปิดเทอม โอดท้อใจถึงขั้นขอย้ายตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุรีรัมย์- ครูประจำชั้น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ แจงทั้งน้ำตา ยันไม่ได้ปล่อยปะละเลยจนทำเด็กอนุบาลแขนหักผิดรูปตามที่ผู้ปกครองร้องเรียน เผยก่อนเปิดเทอมเด็กประสบอุบัติเหตุวิ่งเล่นกับเพื่อนแขนหักต้องเข้าเฝือกดามแขนมาก่อนแล้ว พอมาเรียนได้วันเดียวเกิดปัญหากลับถูกร้องเรียน โอดท้อใจถึงขั้นขอย้ายตัวเองเหตุเสียใจทำหน้าที่เต็มที่แต่กลับมาเจอเรื่องแบบนี้

วันนี้ (4 ก.ค. ) จากกรณีที่ น.ส.ฟ้า อายุ 42 ปี ชาว อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบายความรู้สึกไม่พอใจ และออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ ว่า ด.ช.เต้ อายุ 5 ขวบ หลานชาย ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกี่ ประสบอุบัติเหตุแขนหักที่โรงเรียนแต่ทางโรงเรียนไม่ดูแลรับผิดชอบ

น.ส.นิตยา ธวัชชัยสกุล หรือ ครูหนิง ครูประจำชั้นอนุบาล 3
โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตอนเย็นพี่ชายไปรับหลานที่โรงเรียนแล้วมาบอกตนเองว่าหลานแขนหัก จึงรีบไปดู เห็นหลานนั่งร้องไห้ตัวสั่น ในสภาพแขนซ้ายหักผิดรูป เมื่อสอบถามหลานบอกว่า แขนหักตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว ตนจึงรีบพาหลานส่งโรงพยาบาลนางรอง โดยผู้เป็นอา บอกว่า วันต่อมาได้ไปถาม ผอ.โรงเรียนว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบจากครูประจำชั้นว่า “เห็นตั้งแต่ตอนเที่ยง แต่เด็กไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ” จึงเดินทางกลับ

แต่วันต่อมา ทั้ง ผอ.และครูประจำชั้น นำกระเช้ามาขอโทษที่บ้าน บอกว่า ทางโรงเรียนจะเยียวยาที่ปล่อยปละละเลยเด็ก กระทั่ง ผอ.เป็นคนสรุปเองว่า จะขอจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นเงิน 55,000 บาท จึงโทรศัพท์ไปบอกพ่อแม่เด็ก นัดจ่ายเงินในวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่กลับไม่เห็นทางโรงเรียนมาจ่ายเยียวยาตามที่รับปาก การที่ออกมาร้องเรียนไม่ได้ติดใจสาเหตุที่หลานแขนหัก แต่ติดใจที่ครู และทางโรงเรียนไม่ดูแล ตามที่เป็นข่าวนั้น


ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านน้องเต้ เพื่อติดตามอาการของเด็ก และสอบถามผู้ปกครอง แต่ไม่พบคุณอาที่ออกมาร้องเรียน และไม่เจอน้องเต้อยู่ที่บ้าน พบเพียงนางแหลม คำโส อายุ 72 ปี ยายของน้องเต้ บอกว่า อาพาหลานไปธุระที่ต่างจังหวัด จึงได้สอบถามคุณยาย เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ยายก็เล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุหลานกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านก็ตัวสั่น เงียบไม่พูด จนกระทั่งที่บ้านถามจึงบอกว่า มีอาการเจ็บแขน จึงพาไปโรงพยาบาล จากนั้นตนไม่รู้เรื่องอะไร เพราะยายไม่ได้ไปพูดคุยด้วย มีแต่อาเขาที่พูดคุยกับทางโรงเรียน แต่ส่วนตัวก็สงสารหลานที่ต้องมาเจ็บตัวแต่เด็กแบบนี้

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถาม น.ส.นิตยา ธวัชชัยสกุล หรือ ครูหนิง ครูประจำชั้นอนุบาล 3 ได้ชี้แจงทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเดือน พ.ค.น้องเต้ เคยประสบอุบัติเหตุวิ่งเล่นกับเด็กในศูนย์เด็ก แล้วแขนซ้ายหัก ผู้ปกครองพาน้องไปหาหมอที่ รพ.นางรอง ซึ่งหมอก็ดามแขนให้ กระทั่งวันที่ 17 พ.ค. เป็นวันเปิดเทอม คุณอาของน้อง มารับอุปกรณ์การเรียน แล้วแจ้งว่าน้องเต้ใส่เฝือกแขนหักมาโรงเรียนไม่ได้

ภาพถ่ายขณะเด็กนักเรียน ดื่มนมอยู่โรงเรียน
จนถึงวันที่ 30 พ.ค. ก็เห็นยายพาหลาน มาส่งที่โรงเรียนเพราะกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน พอมาถึงครูเห็นว่าน้องใส่เฝือกอยู่จึงแจ้งผู้ปกครองว่า ยังไม่ต้องมาเรียนก็ได้ ให้หายดีก่อนค่อยมา หลังจากนั้นน้องก็ไม่ได้มาเรียนอีก

จนกระทั่งวันที่ 13 มิ.ย.2565 เป็นเวรประจำวันไปยืนรับเด็กหน้าโรงเรียน ซึ่งวันนั้นลุงของน้องเต้ ก็มาส่งหน้า ร.ร. แล้วก็กลับโดยไม่ได้แจ้งอะไร กระทั่งช่วงประมาณ 8 โมงกว่า ครูประจำชั้นอนุบาล 2 เกิดปวดท้องหนัก ต้องนำตัวส่ง รพ.ด่วน ตนจึงต้องทำหน้าที่ดูแลเด็กทั้ง 2 ห้อง คือ ชั้นอนุบาล 2 และอนุบาล 3 รวมกัน 22 คน ซึ่งมีเด็กที่เป็นโรคหัวใจตีบ และขาลีบเดินไม่ได้ ที่ต้องคอยดูแลเป็นพิเศษด้วย


พอรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ก็ให้เด็กเข้านอนครูก็เดินดูทั้ง 2 ห้อง ช่วงบ่ายโมงก็เดินไปสอบถามน้องว่ามีอาการเจ็บแขนหรือไม่ เพราะเห็นว่าเพิ่งจะถอดเฝือกแขน ยังถามน้องว่า ถ้าปวดแขนจะให้กลับบ้านแต่น้องบอกว่าไม่ปวด เลยให้ไปนอนซึ่งเด็กก็นอนถึงบ่าย 2 ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร พอดีวันนั้นมีโครงการนมโรงเรียนก็เลยถ่ายรูปเด็กๆ ไว้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เห็นแขนหักผิดรูป เหมือนกับที่ปรากฏในข่าว

พอเด็กดื่มนมเสร็จก็ให้กลับบ้าน โดยตอนที่ลุงของน้อง มารับก็ยังถามว่าทำไมเขาถึงดามแขนน้องที่เคยประสบอุบัติเหตุได้ขี้แหล่จัง ก็คิดว่าไม่มีอะไร

กระทั่งบ่าย 3 ครึ่ง อาเข้ามาที่โรงเรียนมาถามว่าทำไมแขนเด็กเป็นแบบนี้ ตนก็ตกใจเพราะตอนที่เห็นในโรงเรียนก็ดูปกติ เขาจึงขอพบ ผอ. แจ้งว่าเด็กแขนหัก ผอ.ก็ให้รีบพาไปส่ง รพ. โดย ผอ.ตามไปดูด้วย เพราะตนต้องอยู่เวรดูแลปล่อยเด็กกลับบ้านให้ครบก่อน กระทั่ง 16.30 น. ส่งเด็กเสร็จ จึงตามที่ รพ.นางรอง เห็นเด็กอยู่ห้องฉุกเฉินก็อยู่ดูแลจนถึง 4 ทุ่ม หลังจากเด็กเข้าห้องพิเศษถึงกลับ ตอนที่อยู่ รพ.ยังไปซื้อของและอาหารมาให้อาของเด็กรับประทานอยู่เลย


หลังจากนั้นออกจาก รพ. ช่วงบ่ายวันที่ 14 มิ.ย. ครูประจำชั้นไปเยี่ยมที่บ้านตอนเย็นวันนั้น ถามไถ่อาการผู้ปกครองก็คุยปกติ ไม่มีท่าทีอะไร บอกแค่ว่ามีค่าห้องกับค่าน้ำมันรถด้วยนะครู จากนั้นวันที่ 15 มิ.ย. ผอ.และคณะครู ไปเยี่ยมที่บ้านก็เตรียมกระเช้าไปเยี่ยม และเตรียมค่าน้ำมันรถ และค่าห้องพิเศษไปให้เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เขาไม่ยอมรับเงินดังกล่าวและมีท่าทีที่ไม่พอใจต่างจากวันก่อน บอกว่าให้รอคุยกับผู้ปกครองวันที่ 16 มิ.ย. ครูก็ขอโทษที่อาจดูแลไม่ทั่วถึง

เลยพูดคุยว่าแล้วผู้ปกครองจะให้ทำยังไง ผู้ปกครองก็เรียกเงิน 7 หมื่นบาท ผอ.เลยว่าทาง ร.ร.ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เลยบอกว่าให้ลดลงหน่อยได้หรือไม่ ทางผู้ปกครอง บอกว่างั้นเหลือ 55,000 บาท ซึ่งส่วนนี้อยากให้สอบถามกับทาง ผอ.เอง


ครูหนิง บอกอีกว่า แม้จะไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุที่เด็กแขนหักผิดรูปเกิดจากอะไร และถึงแม้จะไม่ได้เกิดจากการกระทำของครู แต่ในฐานะครูประจำชั้น ยอมรับว่าอาจจะดูแลเด็กไม่ทั่วถึง ส่วนที่ผู้ปกครองจะเรียกร้องเงินในฐานะที่ปล่อยปะละเลยนั้น ขึ้นอยู่กับทางผู้บริหารว่าจะมีคำสั่งอย่างไร ซึ่งตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตาม

“ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของครู รู้สึกเสียใจที่ทำหน้าที่เต็มที่แล้วแต่มาเจอเรื่องราวแบบนี้ ตอนแรกคิดจะทำเรื่องขอย้ายตัวเองเพราะรู้สึกท้อ แต่มีผู้ปกครองหลายคนมาให้กำลังใจ เพราะเขามองว่าไม่ได้เกิดจากการกระทำของครู” น.ส.นิตยา หรือ ครูหนิง กล่าวในตอนท้าย






กำลังโหลดความคิดเห็น