xs
xsm
sm
md
lg

ททท.รุกโปรโมตการคัดสรรเมนูเด็ดร้านอาหาร 4 หัวเมืองหลักภาคอีสานของ ‘มิชลินไกด์’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภาคอีสาน - ททท.พร้อมผลักดันการท่องเที่ยว Gastronomy Tourism ขยายพื้นที่คัดสรรร้านอาหารบรรจุในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประจำปี 2566 ครอบคลุม“ภาคอีสาน” ของไทย ปักหมุด 4 จังหวัด นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น เปิดแถลงแถลงข่าวโหมพีอาร์สร้างการรับรู้การคัดสรรเมนูเด็ดในร้านอาหารท้องถิ่น


วันนี้ (4 ก.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. ที่โรงแรมพูลแมน จ.ขอนแก่น นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แถลงข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การคัดสรรร้านอาหารครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทย ปักหมุด 4 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เผยอัตลักษณ์โดดเด่นด้านอาหารและวัฒนธรรม เตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อรองรับเหล่านักชิมและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยมี ดร.สมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายจำรัส กังน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีตลอดจนเจ้าหน้าที่ ททท.หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมงาน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทย ได้รุกขยายขอบเขตการคัดสรรแนะนำร้านอาหารเข้าสู่ 4 จังหวัดภาคอีสาน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และ ขอนแก่น โดยคู่มือฉบับดังกล่าวมีกำหนดตีพิมพ์เผยแพร่ปลายปี 2565 ในชื่อ ‘มิชลิน ไกด์ นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น 2566’ (The MICHELIN Guide New City Announcement 2023) เพื่อสะท้อนวัฒนธรรมอาหารอีสานที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมรสชาติที่จัดจ้าน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีความโดดเด่น

ตลอดจนเสน่ห์ของวิถีชุมชนที่มีเอกลักษณ์ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม และยังสามารถเดินตามรอยร้านอร่อยที่ ‘มิชลินไกด์’ ได้คัดสรรไว้ให้ ซึ่งในปัจจุบันมีเชฟชาวอีสานจำนวนมากที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านอาหารจาก ร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศ กลับมาเปิดร้านอาหารที่บ้านเกิดของตนเอง โดยเลือกนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อยกระดับอาหารอีสานให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานอาหารให้แก่นักเดินทาง


นายนายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ทาง ททท.ได้เล็งเห็นถึงความพร้อมของทั้ง 4 จังหวัดที่สามารถสะท้อนวัฒนธรรมอาหารการกินของคนไทย และสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวเพื่อต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) นำไปสู่การกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ อันจะเห็นได้จากรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2565 ของจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และอุดรธานี รวมกันประมาณ 30,511.47 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติใช้ไป กับค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมกันประมาณ 7,442.19 ล้านบาท สูงเป็นอับดับหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายหมวดอื่นๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าของที่ระลึก และค่าคมนาคมขนส่ง เป็นต้น

ทั้งนี้ ภายในงานแถลงข่าวดังกล่าว ททท. ได้ร่วมกับโรงแรมพลูแมน ขอนแก่น ราชาออคิด และผู้ประกอบการร้านอาหารจากเขาใหญ่ ชวนสัมผัสความเป็นไทยผ่านวัฒนธรรมอาหาร รังสรรค์เมนูอาหารจากวัตถุดิบในพื้นที่นำเป็นอีสานฟิวชันลงไปแต่ละเมนู ผ่าน Soft Power of Thailand ตามแนวทาง 6F : 4M คือ Food Film Fashion Festival Fight Friendship Music Museum Master และ Meta เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงอาหารระดับโลก (World Gastronomy Destination) ซึ่ง ททท.ได้รับเกียรติจากเชฟบอย วุฒินันท์ วิชัย จากโรงแรมพูลแมน ขอนแก่น และ เชฟเฟิร์ส วัชรีภร อรุณพันธ์ ผู้แทนจากสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ รังสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษจากการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นนำเสนอ 7 เมนู ประกอบด้วย


จานที่ 1 Deep Fried Salmon Croquette Isaan Style ลาบแซลมอนทอดชิ้นพอดีคำที่กรอบนอกนุ่มในปรุงรสด้วยเครื่องปรุงแบบอีสานและนำมาเสียบไม้พร้อมเครื่องเคียง ดักแด้ พริกแห้ง ใบมะกรูดทอดกรอบ รับประทานคู่กับซอสมะขามและข้าวพอง เสิร์ฟพร้อมกับ เครื่องดื่ม Caviar Lime Shandy แซนดี้มะนาวคาเวียร์ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างโครแนนเฮลเบียร์ซึ่งเป็นเบียร์ที่ผลิตโดยโรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชาออคิด นำมาผสมกับน้ำขิงเพิ่มความสดชื่น เสิร์ฟพร้อมกับมะนาว คาเวียร์ ผลไม้ท้องถิ่นของประเทศออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันมีการปลูกในพื้นที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น

จานที่ 2 Pumpkin Soup with an Isaan touch ซุปฟักทองที่ปรุงรสให้มีความเป็นอีสานด้วยส่วนผสมของน้ำปลาร้าและใบแมงลัก (ผักอีตู่) โรยด้วยปลาแห้ง เวลารับประทานจะรู้สึกถึงความเข้มข้นของซุปฟักทองแบบตะวันตกแต่มีกลิ่นหอมแบบแกงอ่อมอีสาน

จานที่ 3 สับปะรด นายูง จังหวัดอุดรธานี ปลูกในพื้นที่ อ.นายูง และ อ.น้ำโสม เป็นสับปะรสที่มีกลิ่นหอม รสชาติหวาน เนื้อแน่น ฉ่ำ ไม่กัดลิ้นจากมือของเกษตรกรในพื้นที่ จานที่ 4 Grilled Beef Tenderloin with Spicy Toasted Rice Dip เนื้อสันในหมักเครื่องเทศแบบอีสาน แล้วนำไปเสียบไม้ย่างพร้อมพริกแดงสอดไส้สับปะรดแบบเคบับ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วและผักสด เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องดื่ม Dunkel Mulberry คือเบียร์ดำผสมกับน้ำมัลเบอร์รี (หม่อน)

จานที่ 5 Thai Sour Curry with Durian and Local Fish (Kang Som) แกงส้มทุเรียน วัตถุดิบจากทุเรียนปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จานที่ 6 Boiled Sticky Rice with Banana served with Grated Coconut , Sesame and Caramel Sauce ข้าวต้มหัวหงอก ขนมพื้นเมืองของอีสานทำมาจากข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยกล้วยรับประทานคู่กับมะพร้าวและน้ำตาล เสิร์ฟพร้อมกับซอสคาราเมล และไวต์ช็อกโกแลต ปิดท้ายด้วยจานที่ 7 Avocado Gnocchi in Coconut Milk (KrongKrang) ครองแครง อะโวคาโด น้ำกะทิ ให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ผ่านอาหารมื้อ พิเศษ ในฐานะคนพิเศษของงานวันนี้


นอกจากนี้ นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า ทาง ททท.พร้อมเดินหน้าลุยกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยการจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีเพื่อให้เกิดแรงส่งต่อเนื่องไปถึงฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปีและต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งการขยายขอบเขตการคัดสรรร้านอาหารครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประจำปี 2566 จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น