บุรีรัมย์ - หนุ่มวัย 31 ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ คู่กรณีโต้ไม่ได้พาพวกอุ้มวัยรุ่นอายุ 19 ปีไปทำร้ายและปืนตบหัวขู่ฆ่าในรีสอร์ตตามที่ถูกกล่าวหา ชี้อีกฝ่ายแต่งเรื่องเกินจริง แต่ยอมรับไปทวงเงินและเอา จยย.ไปจริง เหตุเบี้ยวหนี้ 1,500 บาท หากเอาเงินมาจ่ายพร้อมคืนรถให้ ตร.เผยแจ้งความรถหายแต่ไม่ได้แจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย
วันนี้ (2 ก.ค.) ความคืบหน้าจากกรณี นายสุพจน์ วันกำมิโก อายุ 55 ปี ชาวบ้านปากช่อง ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ โดยอ้างว่า นายกิตติศักดิ์ หรือบอส อายุ 19 ปี ลูกชายถูกกลุ่มวัยรุ่นขาใหญ่ในพื้นที่ประมาณ 3 คนทำร้ายร่างกายทั้งเตะต่อย ถือมีดขู่ และใช้ปืนตบศีรษะขู่ฆ่า ก่อนเอาตัวไปขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง สาเหตุเพราะลูกชายไปยืมเงินหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว 1,500 บาท แต่ยังไม่ได้จ่ายคืน แต่เคราะห์ดีที่ลูกชายสามารถหลบหนีออกมาได้ ในสภาพที่มีแผลบริเวณศีรษะ และบอบช้ำตามร่างกาย แต่ถึงแม้จะหนีมาได้ แต่ถูกแก๊งวัยรุ่นยึดเอารถจักรยานยนต์ของลูกชายไปด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รถจักรยานยนต์คืน โดยผู้เป็นพ่อได้ไปแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ถูกขโมยให้ตำรวจช่วยติดตามให้ แต่ลูกชายที่ถูกทำร้ายไม่กล้าแจ้งความ และได้หลบไปอยู่บ้านญาติที่อื่น เพราะกลัวจะถูกกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุตามมาทำร้ายอีกนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม นายตอง อายุ 31 ปี ที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าพาพวกมาอุ้มทำร้าย นายบอส อายุ 19 ปี ให้ข้อมูลว่า ตนรู้จักกับนายบอสได้ประมาณ 1 เดือน นายบอสชอบไปเล่นที่บ้านแต่ไม่ถึงกับสนิทกัน แต่ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ นายบอสได้เอ่ยปากขอยืมเงินตนเอง 1,500 บาท บอกว่าจะเอาไปแต่งรถจักรยานยนต์ ก็รับปากว่าจะทยอยคืนให้ ตนจึงให้ยืมเพราะคิดว่านายบอสคงไม่ผิดคำพูด แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์นายบอสยังไม่ยอมคืน ส่งข้อความในเฟซบุ๊กไปทวงถามก็ไม่ตอบ
กระทั่งวันที่ 4 มิ.ย. ตนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน 2 คน บังเอิญที่เจอนายบอสที่รีสอร์ต ซึ่งนายบอ ได้ขี่รถเข้าไปกับผู้หญิงรุ่นน้องที่เคยเป็นแฟนเก่า ซึ่งพักอยู่ในรีสอร์ตดังกล่าว พอตนเห็นนายบอสจึงได้เอ่ยปากทวงเงินที่เคยยืมไป 1,500 บาท แต่นายบอสไม่ตอบอะไร ตนจึงบอกให้นายบอส โทร.หาพ่อว่าให้หาเงินมาจ่ายคืน ก็ไม่ได้บังคับ นายบอสก็ โทร.ไปหาพ่อด้วยความสมัครใจเอง เขาบอกว่าเดี๋ยวพ่อจะหามาให้ แล้วขี่รถออกไป
ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายหรือใช้ปืนจ่อศีรษะขู่ฆ่า และตบศีรษะตามที่นายบอสกล่าวอ้างเลย แค่ทวงเงินธรรมดา และยืนยันว่าไม่ได้อุ้มนายบอสไปกักขังตามที่ถูกกล่าวหาด้วย นายบอสขี่รถไปกับเพื่อนเขาเองไม่ได้มีการกักขังอะไรเลย แต่กลับไปแต่งเรื่องออกข่าวเกินความเป็นจริง
ส่วนรถจักรยานยนต์ของนายบอส ตนยืนยันว่าได้เอามาจริง แค่เอามาจอดไว้ที่บ้านไม่ได้เอาไปทำอะไร หากนายบอสเอาเงินที่ยืมไป 1,500 บาทมาจ่ายคืนก็พร้อมจะคืนรถจักรยานยนต์ให้ แต่หลังจากเป็นข่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาให้ตนนำรถไปไว้ที่ สภ.ละหานทราย อยากให้ฟังความทั้งสองฝ่ายด้วยเพราะหากนายบอสเอาเงินมาจ่ายคืนตนก็คงไม่เอารถมา แต่ยืนยันไม่ได้ทำร้ายแน่นอน ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรอีกฝ่ายถึงได้แต่งเรื่องเกินจริง
จากการสอบ คุณหยก ผู้จัดการที่ดูแลรีสอร์ต ให้ข้อมูลว่า มีวัยรุ่นผู้หญิงมาพักรีสอร์ตจริง และวันที่ 4 มิ.ย. ก็มีผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นคนชื่อบอส ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง เข้ามาที่ห้องหมายเลข 4 ที่วัยรุ่นผู้หญิงพักอยู่ จากนั้นน้องผู้หญิงก็วิ่งไปบอกตนว่ามีวัยรุ่นชายเข้ามาทำร้ายและใช้ปืนตบศีรษะนายบอสในห้อง ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกลัวจะเกิดปัญหา พอตำรวจมาก็พูดคุยอยู่สักพักและตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว แล้วพอเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับทางรีสอร์ตไม่อนุญาตให้วัยรุ่นเช่าห้องต่อเพราะกลัวจะเกิดปัญหา
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.ละหานทรายเพื่อสอบถามข้อมูล ทราบว่าพ่อของนายบอสได้มาแจ้งความเรื่องรถจักรยานยนต์หายจริง แต่ไม่ได้มีการแจ้งความเรื่องการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานให้คู่กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเอารถ จยย.ไปให้นำรถมาคืน ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายต้องให้ผู้เสียหายแจ้งความ จะสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป