แม่เณรยันเอาเรื่องถึงที่สุดหลังพระพี่เลี้ยงตีจนตาย ฝากถึงสำนักพุทธฯ เข้มงวดเรื่องคุณสมบัติคนที่จะบวช

ราชบุรี - แม่เณร อายุ 9 ขวบ ยันเอาเรื่องถึงที่สุด หลังถูกพระพี่เลี้ยงใช้ด้ามตาลปัตรตีตามร่างกาย ทั้งศีรษะ ลำตัว ก้น ต้นขา และใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าจนเสียชีวิตคากุฏิ

จากกรณีที่ นายอรรถพล เพ็งเลา อดีตพระลูกวัดเขาช่องพราน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ลงโทษสามเณร วัย 9 ขวบ ด้วยการใช้ด้ามตาลปัตรตีลงไปตามร่างกาย ทั้งศีรษะ ลำตัว ก้น ต้นขา และใช้มือตบเข้าที่ใบหน้า จนมรณภาพคากุฏิ

ล่าสุด วันนี้ (2 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาดิน ได้นำตัว นายอรรถพล ผู้ต้องหาขึ้นรถไปศาลจังหวัดราชบุรี เพื่อฝากขัง โดยนายอรรถพล มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และอยู่ในอาการเงียบขรึม ช่วงเช้าได้มีญาติมาติดต่อขอเข้าเยี่ยม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นายตั้ม (นามสมมติ) และ น.ส.นุช (นามสมมติ) พ่อและแม่เลี้ยงของสามเณร ที่ศาลาคู่เมรุภายในวัดเขาช่องพราน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศล

โดย น.ส.นุช เปิดใจว่า ถึงแม้ว่าตนจะเป็นแค่แม่เลี้ยง แต่ก็รักและผูกพันกับสามเณรมาก ก่อนหน้านี้ตนเคยทักท้วงไม่อยากให้ลูกชายบวช เนื่องจากเห็นว่าอายุยังน้อย กลัวเข้าไปอยู่วัดแล้วจะลำบาก และเรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน แต่ลูกชายยังยืนถึงความตั้งใจที่อยากจะบวชจริงๆ ทุกคนจึงยอม กลับกลายเป็นว่าสถานที่ที่ทุกคนไว้ใจคิดว่ามีความปลอดภัย จะทำให้เราต้องสูญเสียลูกไปเพราะยาเสพติด เหมือนเราส่งเด็กที่เป็นผ้าขาวไปอยู่ใกล้ชิดกับคนอันตรายที่อยู่ในวัด

จึงอยากฝากถึงสำนักพุทธศาสนา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมมือกันวางมาตรการป้องกันยาเสพติดในวัดให้มากขึ้น ขอให้กรณีของสามเณรลูกชายตนเองเป็นจุดเริ่มต้นอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงผู้ปกครองท่านอื่นที่ลูกหลานมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อย่าผลักภาระไปให้วัด และสร้างปัญหาให้สังคมอีกเลย ในส่วนของผู้ก่อเหตุ ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยอยากให้ได้รับโทษประหารชีวิต เพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง สมกับความผิดที่ก่อขึ้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับแม่ของผู้ก่อเหตุ โดยได้เปิดใจว่า นายอรรถพล มีลักษณะนิสัยดื้อเงียบ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร สำหรับพฤติกรรมเรื่องยาเสพติด เริ่มตั้งแต่ไปเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม จนถูกจับกุม รับโทษจำคุกนานกว่า 1 ปี หลังพ้นโทษได้เข้าทำงานที่เทศบาล กระทั่งปลายปี 64 ลูกชายได้มาขอบวช ที่ผ่านมา ทางครอบครัวพยายามสังเกตและคอยซักถาม รวมไปถึงห้ามปรามเสมอ ว่าอย่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก แต่ลูกชายจะปฏิเสธตลอด โดยส่วนตัวแล้วลูกชายเป็นคนโมโหร้าย ทางบ้านจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกัน

ทั้งนี้ ยอมรับว่าเวลานี้เป็นทุกข์ และเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองทที่มีบุตรหลาน ตลอดจนเด็กทุกคนขอให้ดูเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง ส่วนด้านคดีความ ทางบ้านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ทำเรื่องยื่นขอประกันตัว ผลออกมาเช่นไรก็เป็นไปตามนั้น ถือเป็นบทเรียนที่ลูกชายต้องรับผิดชอบ