บุรีรัมย์ - สสจ.บุรีรัมย์แจง กรณี “น้องพลอย” 18 ปี ชาวลำปลายมาศ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิดเพื่อเตรียมเข้าเรียนมหาวิทยาชื่อดังตามใฝ่ฝัน ด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คาดเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการรับวัคซีนโควิด พร้อมส่งเจ้าหน้าที่พื้นที่เยี่ยมช่วยเหลือญาติและเร่งเยียวยา
วันนี้ ( 14 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณี นายนพรัตน์ กล้าหาญ อายุ 53 ปี และนางมารินทร์ กล้าหาญ อายุ 48 ปี สองสามีภรรยาชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังจาก น.ส.มลฑิรา กล้าหาญ หรือน้องพลอย อายุ 18 ปี ลูกสาวซึ่งเพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังตามความใฝ่ฝัน วันที่ 19 พ.ค.2565 จึงตัดสินใจไปฉีดวัตซีนโควิด-19 เข็มแรก ยี่ห้อไฟเซอร์ ที่ รพ.สต.ในพื้นที่ เพราะกลัวจะไม่ได้เข้าศึกษาต่อในมหาลัยดังกล่าว แต่พอฉีดวัคซีนได้ประมาณ 3 สัปดาห์ ลูกสาวเริ่มมีอาการผิดปกติทั้งแน่นหน้าอก เจ็บท้อง และอาเจียน
วันที่ 9 มิ.ย.65 จึงพาลูกสาวไปหาหมอที่ รพ.ลำปลายมาศ หมอบอกว่าเกิดจากอาการลำไส้อักเสบให้ยามากินแล้วกลับบ้าน แต่อาการหนักขึ้นกว่าเดิม จึงพาลูกกลับไป รพ.อีกครั้งและบอกหมอว่าลูกเพิ่งจะฉีดวัคซีนโควิด-19 มาประมาณ 3 สัปดาห์ ทาง รพ.จึงได้ส่งตัวน้องไปที่ รพ.บุรีรัมย์ ถูกนำตัวเข้าห้อง ผู้ป่วยวิกฤตโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด หมอระบุว่าน้องเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ พอวันที่ 10 มิ.ย. ลูกยังอาการไม่ดีขึ้น พอ 5 ทุ่มหมอโทรฯ มาหาบอกว่าให้รีบมา รพ.เพราะลูกสาวอาการหนัก ประมาณตี 2 ลูกสาวเสียชีวิต ตามที่เสนอเข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุรีรัมย์ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ว่า “น้องพลอย” คนไข้ที่เสียชีวิต มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เข้ากับช่วงเวลาของการฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงเป็นได้ว่ามีสาเหตุมาจากการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน ซึ่งจริงๆ แล้วน้อยมากที่จะมีโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์ แต่อาการป่วยของน้องพลอยนั้น เข้ากันได้ทั้งเป็นช่วงเวลาของการรับวัคซีน และอาการเข้าข่ายสงสัยอันเป็นผลมาจากการรับวัคซีน ทั้ง เริ่มจากแน่นหน้าออก เจ็บท้อง อาเจียน และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
โดยล่าสุดทางคณะแพทย์ และผู้บริหารรพ.บุรีรัมย์ ได้เรียกประชมเพื่อสรุปความชัดเจนแล้ว พร้อมส่งทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ไปเยี่ยมชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิตและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมแนะนำการขอรับการเยียวยาตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งกรณีการได้รับผลกระทบจากการรับวัคซีนโควิด-19 นี้ ทางกระทางสาธารณาสุข มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ คอยพิจารณาชดเชยเยียวยาอยู่แล้ว สำหรับกรณีเสียชีวิตจะมีเงินเยียวยาประมาณ 4 แสนบาท ทั้งนี้แล้วแต่ระดับความรุนแรงที่ได้รับผลกระทบ
“ ทางสาธารณสุขเราจะดูแลช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับผลกระทบจากฉีดวัคซีนโควิด หรือจากการรักษาพยาบาล เพราะเป็นเรื่องเศร้าที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งผู้ให้บริการและรับบริการ” นพ.พิเชษฐ กล่าว